กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- ตำรวจจับสาวประเภทสอง หลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ผ่านเพจเฟสบุ๊ก สอบประวัติพบเคยเป็นท้าวแชร์ลูกโซ่ถูกดำเนินคดี ตรวจสอบบัญชีช่วง 3 เดือน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2-3 ล้านบาท
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผลการจับกุม นายพายุทัศ พองภู่ สาวประเภทสองหลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ผ่านเพจเฟสบุ๊ก มูลค่าความเสียหากว่า 530,000 บาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเปิดใช้เพจเฟสบุ๊กมากกว่า 3 เพจ อาทิ เพจสมัครงาน และ เพจเงินกู้ เพื่อนำข้อมูลของคนที่เข้ามาในเพจ ทั้งบัตรประชาชน และ ข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ไปเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นสำหรับการหลอกขายหน้ากากอนามัย ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองภายหลัง โดยพบว่า ช่วง 3 เดือนตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชี 2-3 ล้านบาท ซึ่งจากการจับกุม ตำรวจไม่พบหน้ากากอนามัยตามผู้ต้องหาอ้าง เชื่อว่าเป็นการหลอกขายสินค้าทั้งที่ไม่มีอยู่จริง
เบื้องต้น นายพายุทัศ ปฏิเสธอ้างว่า เป็นเพียงแอดมินเพจเท่านั้น ซึ่งรับจ้างทำให้กับคนอื่น แต่ทางตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่า นายพายุทัศ เป็นผู้ต้องหา และดำเนินการเองทั้งหมด ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และเชื่อว่า จะมีความเสียหายมากกว่านี้
หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าได้มีการติดต่อซื้อหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่ใช้ทางการแพทย์จากผู้ต้องหาจำนวน 30,000 ชิ้น ซึ่งผู้ต้องหาได้วีดีโอคอลยืนยันว่าหน้ากากอนามัยมีอยู่จริง ตนเองจึงตกลงซื้อขาย ซึ่งผู้ต้องหาแจ้งให้โอนเงินค่ามัดจำจำนวน 48,000 บาท ประมาณร้อยละ 20 ก่อนจะส่งโลเคชั่นจุดรับสินค้าย่านจรัญสนิทวงศ์มาให้ ซึ่งเมื่อเดินทางไปรับสินค้าและพยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ อีกเลยจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังระบุการดำเนินคดีกับผู้นำเข้าและส่งต่อข่าวปลอมเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยยืนยันว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมกับ ตำรวจ ตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยยอมรับปัจจุบันมีการใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น เฟสบุ๊ก และทวิตเตอร์ ทำให้ยากต่อการบล็อกหรือลบข้อมูล ซึ่งได้หารือกับทางเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ เพื่อลบข้อมูลที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ พร้อมขอความร่วมมือประชาชน หากได้รับข่าวสาร แต่ไม่มั่นใจในข้อมูล ขออย่าแชร์ อย่าส่งต่อ
ด้าน พันตำรวจเอกพันธนะ นุชนารถ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในคณะทำงานคลี่คลายคดีนี้ ระบุว่า ข้อมูลทางการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ยืนยันผู้กระทำผิดมีมากกว่า 2 คน ขึ้นไป ลักษณะทำเป็นขบวนการ มีข้อมูลชัดเจนเรื่องการซื้อ-ขายหน้ากากอนามัย ข้อมูลผู้ซื้อ-ผู้ขาย คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า จะสามารถแถลงข้อเท็จจริงผลการดำเนินการได้ ทั้งนี้ ตำรวจยืนยันว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่สังคมตั้งข้อสงสัย เช่น ผู้ที่เคยมีชื่อปรากฎเกี่ยวข้องหรือไม่, มีข้าราชการ นักการเมือง ร่วมกระทำผิดหรือไม่ จะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในคราวเดียว .-สำนักข่าวไทย