ทำเนียบฯ 22 มี.ค.-อนุทิน ยืนยันรัฐบาลใช้มาตรการเข้มเกือบเต็มที่แล้ว ในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากนี้อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน ชี้แจงภาพไปปรากฎในสนามกอล์ฟไม่ใช่ไปตีกอล์ฟ แต่ไปเตรียมบ้านพักส่วนตัวให้บิดาอาศัยในช่วงไวรัสโควิดระบาด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากได้เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นการรายงานผลการประชุมร่วมกับคณบดีคณะแพทยศาสตร์เมื่อวานนี้ ถึงแนวทางรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยให้กรมการแพทย์เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับคณะแพทยศาสตร์ทุกคณะในกรุงเทพมหานครเพื่อรับผู้ป่วย รวมถึงการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้การป้องกันมาตรการใหญ่ๆด้านกฎหมายรัฐบาลใช้ไปเกือบเต็มที่แล้ว ดังนั้นขั้นตอนต่อไปคือต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม และหากไม่จำเป็นช่วงนี้ไม่ควรไปพบเจอกัน และงดสังสรรค์เพียงแค่ 2-3 สัปดาห์ จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนกรณีที่มีการขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทาง แต่ยังคงมีบางส่วนที่เดินทางออกต่างจังหวัดนั้น นายอนุทิน ระบุว่าหากทุกคนอยู่นิ่งไม่เดินทางใน 14 วัน โรคนี้ก็จะไม่มีการกระจาย และทางที่ดีที่สุดหากไม่จำเป็นต้องเดินทางขอให้อยู่ในที่ตั้ง แต่หากจำเป็นต้องกลับบ้านจริงๆ ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคนมีอิสระเสรี
“ต้องเดินทางไปไหนด้วยความสำนึกรับผิดชอบให้มากที่สุด แต่หากเป็นไปได้ต้องเว้นระยะห่างและเมื่อกลับไปถึงภูมิลำเนาก็ให้กักตัวเอง เพราะจะให้ออกกฎหมายห้ามคนเดิน ห้ามคนกิน มันไม่มี ต้องเป็นความร่วมมือ เป็นสำนึกของประชาชนที่จะต้องมอบให้กับบ้านเมืองในช่วงที่มีวิกฤติ และข้อเสนอที่ให้มีการประกาศเคอร์ฟิวส์ จากการที่ได้หารือกับอธิบดีกรมควบคุมโรคและภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ทำได้แค่ออกมาตรการและให้คำแนะนำว่าประชาชนควรจะทำอย่างไร ไม่สามารถบังคับอะไรได้มาก”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนโพสต์ภาพนายอนุทินไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟเขาใหญ่ ว่าไม่ใช่การไปตีกอล์ฟ แต่เป็นการเดินทางกลับบ้านพักในเวลาส่วนตัว หลังจากแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งบ้านของตนอยู่ในสนามกอล์ฟ และต้องกลับไปเพื่อเตรียมสถานที่ให้นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา พักอาศัยเพื่อป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการ social distancing และคงไม่ต้องบอกว่าคนที่เผยแพร่ภาพแล้ววิพากษ์วิจารณ์นั้นหวังผลอย่างไร.-สำนักข่าวไทย