นนทบุรี 20 มี.ค. – รัฐมนตรีพาณิชย์แจงหลังถกทุกหน่วยงานดูแลเวชภัณฑ์ป้องกันโควิด-19 เห็นชอบเสนอรัฐบาลใช้งบซื้อ “หน้ากากอนามัย” แจกฟรีทุกโรงพยาบาล แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ หลังจำนวนผู้ติดเชื่้อเพิ่มขึ้น พร้อมหาแนวทางให้ประชาชนหันมาใช้หน้ากากทางเลือกแทน เตรียมเสนอคณะกรรมการโควิดต้นสัปดาห์หน้า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการประชุมบริหารจัดการด้านเวชภัณฑ์ป้องกันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวานที่ผ่านมา (19 มี.ค.) กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ให้ร่วมกันดูแลเรื่องเวชภัณฑ์ป้องกันไม่ให้ขาดแคลน และมีเพียงพอกับความต้องการใช้ จึงได้มีการประชุมร่วมกันและเห็นควรเสนอมาตรการด้านเวชภัณฑ์ป้องกันที่จำเป็นต้องใช้รองรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว และจะนำเสนอให้คณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบในวันที่ 23 มี.ค.2563 นี้ เพราะจะมีการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมด และต้องเสนอของบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินการ
ทั้งนี้ ในส่วนของหน้ากากอนามัย ได้กำหนดให้จัดหาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องใช้สูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อความปลอดภัย โดยกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า ถ้ามีหน้ากากอนามัยเพิ่มจากเดิมร้อยละ 30-50 จากปัจจุบันน่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ และการกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยง เห็นว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนไป มีการแพร่กระจายมากขึ้น จนได้มีการแต่งตั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นพนักงานควบคุมโรคระดับพื้นที่ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จึงจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาการกระจายหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เพราะจังหวัดรู้ดีว่าในพื้นที่ใครคือกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มแท็กซี่ กลุ่มผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ กลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งจะต้องให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ มีหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันตัวเองและป้องกันการแพร่ระบาด โดยกระทรวงสาธารณสุขจะไปหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาว่าความต้องการที่แท้จริงเป็นยังไงต่อไป
สำหรับประชาชนทั่วไป จะรณรงค์ให้ใช้หน้ากากทางเลือก หน้ากากผ้า ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นโดยลำดับแล้ว ดังนั้น จะเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระงบประมาณในส่วนนี้ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ เพราะหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ ต้องนำไปจัดสรรให้แพทย์ ให้บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงก่อนเป็นลำดับแรก โดยจะเป็นการจัดสรรให้ฟรี ซึ่งต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนว่าเห็นชอบตามที่เสนอหรือไม่ โดยขณะนี้ โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย มีกำลังการผลิตได้วันละ 2.2 ล้านชิ้น และศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย กรมการค้าภายใน ได้กระจายให้กับกระทรวงสาธารณสุขวันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ อีก 9 แสนชิ้น กรมการค้าภายในกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และประชาชน ซึ่งจะดำเนินการตามรูปแบบนี้ไปก่อน จนกว่าจะมีมาตรการใหม่ออกมา ส่วนหน้ากากอนามัยคงเหลือที่ยังจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ก็จะยังยึดตามมาตรการเดิม โดยเฉพาะการกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด และการดำเนินการจับกุมผู้ค้ากำไรเกินควรตามกฎหมาย
สำหรับเวชภัณฑ์ป้องกันอื่นๆ เช่น เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ กระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบไปดำเนินการให้มีการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เพราะขณะนี้กรมสรรพสามิตได้ผ่อนผันให้นำเอทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญมาเป็นส่วนผสมจำหน่ายได้แล้ว แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นมากขึ้น และทางด้านหน้ากาก N95 ที่ใช้ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบจัดหา และกระจายให้สถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชน ชุด PPE (Personal Protection Equipment) อุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล หรือชุดคลุมทั้งตัวที่ต้องใช้ในห้องติดเชื้อ กระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบในการจัดหาและกระจายเช่นเดียวกัน ถุงมือยางทางการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่ามีเพียงพอใช้ เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ อย. รับเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการนำเข้าให้ง่ายขึ้น ภายใต้การควบคุมคุณภาพกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย