กทม.18 มี.ค.-ประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับที่1 ให้งดการละหมาดวันศุกร์และการละหมาดญามาอะห์ที่มัสยิด–อะซานแจ้งให้ทุกคนละหมาดที่บ้าน –งดจัดกิจกรรมการรวมตัวเป็นกลุ่ม เพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อและลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มี.ค.63
วันนี้ (18มี.ค.) นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ลงนามในประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยเรื่องการละหมาดวันศุกร์ การละหมาดญะมาอะห์และการจัดกิจกรรมและการรวมตัวกันเป็นกลุ่มสำหรับในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและในพื้นที่ที่รัฐบาลประกาศห้ามรวมตัว (ฉบับที่ 1/2563)
โดยมีข้อความระบุว่า
ตามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ลุกลามไปในกว่า 150 ประเทศทั่โลก มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากและมติคณะรัฐนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ได้ประกาศดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ และลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด โดยให้งดการจัดกิจกรมรวมคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรค นั้น
ในการนี้สำนักจุฬาราชมนตรีได้พิจารณาตามเจตนารมณ์สำคัญของบท บัญญัติศาสนาอิสลามเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว จึงขอประกาศให้พี่น้องมุสลิมได้พึงตระหนักและปฏิบัติตามเพื่อลดการสูญเสียและหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้
1.สำหรับในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในพื้นที่ที่รัฐบาลประกาศห้ามรวมตัว ให้งดการละหมาดวันศุกร์และการละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด โดยให้ละหมาดบ่าย (ดุฮ์ริ)4 รอกาอัตที่บ้านแทน
2.ให้บิหลั่นทำหน้าที่อะซานประจำเวลาที่มัสยิดทุกเวลาตามปกติ พร้อมแจ้งสัปปุรุษว่า “ให้ทุกคนละหมาดที่บ้าน” และให้ผู้บริหารมัสยิดจัดการละหมาดเฉพาะกลุ่มที่มีจำนวนไม่เกิน 5 คน โดยมีการเว้นระยะห่างในแถวอย่างน้อย 2 เมตร
3.ให้งดการจัดกิจกรรมและการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม ได้แก่ การจัดงานการกุศลขององค์กรมัสยิด มูลนิธิ สมาคม ชมรม งานบรรยายศาสนธรรมประจำวัน/ประจำสัปดาห์/ประจำเดือน การออกดะอ์วะห์ (การเชิญชวนให้ศาสนิกทำความดี) ทั้งในมัสยิดและสถานที่ต่างๆ การเรียนการสอนศาสนา ทั้งการสอนอัลกุรอานและศาสนาภาคบังคับ โดยให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานของตนให้ทบทวนบทเรียนดังกล่าวภายในบ้าน
4. ให้งดหรือเลื่อนการจัดงานฉลองมงคลสมรสไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นหรือเข้าสู่สภาวะปกติ และหรือให้ทำพิธีนิกะฮ์ (สมรส) เฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เกิน 10 คน
การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นถือเป็นความจำเป็นตามเจตนารมณ์สำคัญของบทบัญญัติศาสนาอิสลาม เพราะการมีสุขภาพร่างกายที่ดีเป็นความโปรดปรานที่อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์ทุกคน จึงจำเป็นต้องดูแลรักษาร่งกายให้มีสุขภาพที่ดี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่องค์กร หน่วยงาน หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกำหนด เพื่อการรักษาไว้ซึ่งชีวิตของตนเองและสังคมมนุษชาติให้รอดปลอดภัยต่อไป
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวข้างต้นให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติหรือรัฐบาลจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น .-สำนักข่าวไทย