ทำเนียบฯ 16 มี.ค.-“วิษณุ” แถลงที่ประชุมศูนย์บริหารโควิด-19 เผยนายกฯ ย้ำเรื่องการป้องกันโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญ ยืนยันไทยยังอยู่ในระดับ 2 นอกจากนี้ที่ประชุมฯ มีมติให้งดวันหยุด 13-15 เม.ย. ไม่เป็นวันหยุดราชการและไม่เป็นวันหยุดเอกชน ยกระดับมาตรการปิด-หยุด-ระงับสถานที่ที่มีคนชุมนุมจำนวนมาก เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาพรุ่งนี้ “เทวัญ” ย้ำยังไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหาร และขอประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) โดยใช้เวลาประชุมกว่า 5 ชั่วโมง ว่า ในที่ประชุมวันนี้ (16 มี.ค.) มีมติที่สำคัญหลายเรื่อง โดยแบ่งความรับผิดชอบเป็น 6 ด้าน ซึ่งการประชุมในวันนี้แต่ละด้านได้ชี้แจงถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน บางเรื่องเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งการประชุมของคณะกรรมการในวันนี้จะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณมในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) บางส่วนสามารถมีผลทันที เพราะไม่อยู่ในอำนาจของ ครม. โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้สั่งการโดยตรงได้
นายวิษณุ กล่าวว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดถูกแบ่งออกเป็นระยะ หรือขั้นตอน 1 , 2 และ 3 ซึ่งเป็นการกำหนดของประเทศไทยเอง เพื่อให้ง่ายในการบริหารจัดการ เรานิยามขั้นที่ 3 ไว้ โดยจะประกาศก็ต่อเมื่อประชาชนได้รับเชื้อและติดต่อกันโดยไม่สามารถสืบที่มาได้ เป็นการติดต่อโดยไม่พบว่าติดมาจากผู้ติดเชื้อต่างประเทศ ซึ่งตัวชี้วัดระยะ 3 ต้องเกิดขึ้นหลากหลายพื้นที่ ดังนั้นขอยืนยันว่าเรายังอยู่ในระดับ 2 แต่ระดับ 3 ได้มีการวางแผนเตรียมรับมือเพื่อให้เกิดความอุ่นใจ ซึ่งประกอบด้วย 6 ด้าน ดังนี้ 1.ด้านสาธารณสุข ได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลที่จะรับคนไข้ ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล เอกชน ท้องถิ่น สถานพยาบาลต่าง ๆ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลทหาร โรงพยาบาลตำรวจ เตรียมปรับสถานที่ให้มีเตียงที่เพียงพอ ให้มีเวชภัณฑ์ที่เพียงพอ เตรียมบุคลากรทางการแพทย์ ระดมติดต่อแพทย์มืออาชีพ จากทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน แพทย์ที่เกษียณอายุราชการ พยาบาล จิตอาสาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ หากถึงจุดจำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือ
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เตรียมยา เวชภัณฑ์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าได้เตรียมรับมือไว้แล้ว หากสถานการณ์เกิดความรุนแรง จะต้องใช้ยาชนิดใดให้เกิดความเหมาะสม นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้อนุมัติค่าตอบแทนพิเศษให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นการเฉพาะแล้ว 2.ด้านเวชภัณฑ์ ทั้งเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย นายกรัฐมนตรีได้สั่งเร่งการผลิต ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบว่าบางประเทศให้ความช่วยเหลือมายังประเทศไทย ซึ่งในไทยจะเร่งผลิตแอลกอฮอล์และเจลล้างมือด้วยการแก้กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ให้สมารถผลิตได้ให้สอดคล้องกับความต้องการ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับการสั่งการซื้อหน้ากากอนามัยออนไลน์ และสามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้นำของกลางที่ยึดได้เหล่านั้นกลับเข้ามาใช้ในศูนย์ฯ และส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ส่วนทางคดีให้ดำเนินการไปโดยไม่เสียรูปคดี และเมื่อผลของคดีออกมา หากไม่พบความผิด รัฐบาลยินดีที่จะคืนชดเชยให้เป็นเงิน
นายวิษณุ กล่าวว่า 3.ด้านข้อมูลข่าวสาร นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ แถลงข่าว ได้รายงานว่าในแต่ละวันมีประชาชนประมาณ 1,000 คนโทร.เข้ามาสอบถาม ซึ่งได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีแค่ 2% ที่รอการแก้ไข ส่วนใหญ่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการปิดโรงเรียน การสั่งปิดกิจการ 4.ด้านการต่างประเทศ มีบางประเทศแสดงความปรารถนาดีให้ความช่วยเหลือด้านยา หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่านอกเหนือจากจะรับความช่วยเหลือ เราต้องเร่งผลิตเองด้วยอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะชุดที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรค คือ ชุด PPE จะเร่งผลิตให้มากขึ้น มีกำลังผลิตโดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้รับผดชอบ ส่วนกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก VISA on Arrival (วีโอเอ) และฟรีวีซ่า ได้ประสานกับประเทศคู่กรณี ซึ่งประเทศคู่กรณีไม่ขัดข้องและพร้อมรับการตัดสินใจของไทยในการดำเนินการยับยั่งโรค นอกจากนี้ยังมีอีกหลายมาตรการที่นายกรัฐมนตรีส่งความห่วงใยไปถึงคนไทยในต่างประเทศ เพราะมีข้าราชการประจำสถานทูต ประมาณ 1,500 คน มีนักเรียนไทยที่เรียนอยู่ต่างประเทศนับพันคน พระภิกษุสงฆ์ทั่วโลกว่า 1,500 รูป และแรงงานไทยนับแสนคน ที่กระจายอยู่ตามประเทศเสี่ยงต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งตั้งทีมไทยแลนด์ทุกประเทศ โดยให้เอกอัครราชทูตของแต่ละประเทศเป็นหัวหน้าทีม รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนคนไทยในประเทศนั้น ๆ และประสานข้อมูลตรงรายงานเข้ามายังรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า 5.มาตรการป้องกันเตรียมรับมือกับคนที่ไม่ป่วย ประกอบด้วยการเข้มงวดกวดขันการเข้าประเทศของทั้งคนไทยและต่างชาติ จะเข้ายากมากขึ้น หากมาจากประเทศที่เสี่ยงติดโรค ได้แก่ จีน เกาหลี อิหร่าน อิตาลี ฮ่องกง มาเก๊า โดยทั้งหมดนี้จะมีมาตรการสูงสุดในการเข้าประเทศไทย ส่วนกรณีประเทศอื่น คณะกรรมการฯ ยังไม่ได้ประกาศเป็นประเทศเขตติดต่อเพิ่มเติม โดยจะวิเคราะห์สถานการณ์เป็นรายวัน การเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 3 วัน มีการประกันสุขภาพ และเมื่อเข้ามาต้องยินยอมให้ใช้แอพพลิเคชั่นในการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ เพื่เป็นประโยชน์ในการติดตามตัว และต้องรายงานเพื่อสั่งตรวจโรคได้ทุกระยะ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 34 และมาตรา 39 ซึ่งจากนี้กระทรสงสาธารสุขจะออกระเบียบต่อไป
นายวิษณุ กล่าวว่า นอกจากนี้สิ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความกังวล คือ เทศกาลสงกานต์ที่มีวันหยุดยาว วันหยุดปกติคือเสาร์ที่ 11 เมษายน และวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563 ซึ่งก่อนหน้านี้ ครม.เห็นชอบให้เป็นวันหยุดเพิ่มเติมในวันที่ 13-15 เมษายน รวมเป็น 5 วัน จากการหารือในที่ประชุมฯ มีมติอย่างรอบคอบ เห็นว่าการหยุดยาวและหยุดต่อเนื่องอาจทำให้ประชาชนเดินทางเคลื่อนย้ายเป็นจำนวนมาก จะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดโรค กระทรวงสาธารณสุขเกรงว่าจะมีคนจากกรุงเทพฯ นำโรคไปแพร่เชื้อต่อครอบครัวในต่างจังหวัด หรือคนในกรุงเทพฯ อาจติดเชื้อโรคจากต่างจังหวัดกลับมากรุงเทพฯ หรืออาจจะติดจากการเดินทางในรถสาธารรณะ กินดื่มสังสรรค์ ส่งเสียงแสดงความบันเทิง จึงขอให้ลดความเสี่ยงโดยการป้องกันไม่ให้นำเชื้อโควิด-19 ไปแพร่ต่อญาติและผู้สูงอายุที่บ้าน คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้งดวันหยุดราชการ 13-15 เม.ย. ไม่เป็นวันหยุดราชการและไม่เป็นวันหยุดเอกชน ซึ่งรัฐบาลจะชดเชยสิทธิ์วันหยุดในโอกาสอื่นต่อไปเมื่อสถานการณ์บรรเทา ซึ่งมาตรการดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบดาโควิด-19
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า 6.ยกระดับมาตรการป้องกัน คือการปิด หยุด ระงับ ที่ประชุมได้มีการหารือใน 2 เงื่อนไข คือ สถานที่ที่มีคนชุมนุมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสเสี่ยงสูง แต่มีทางเลือก ทางเลี่ยง โดยเตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้ปิดสถานที่ชั่วคราว โดยจะเริ่มในวันที่ 18 มีนาคมนี้ เช่น มหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน โรงเรียนทั้งภาครัฐและเอกชนและโรงเรียนนานาชาติ สถาบันกวดวิชา ทั้งหมดนี้สามารถมีทางเลือกในการเรียนการสอนชดเชยได้ ส่วนมาตรการที่ 2 สถานที่ชุมนุมคราวละมาก ๆ แต่ชุมนุมเป็นกิจการ ได้แก่ สนามมวยทั่วประเทศ สนามกีฬา เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล โรงภาพยนตร์ ที่อาจจะเข้าเกณฑ์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่แจ้งให้ทราบก่อนเพื่อเป็นการป้องกันในอนาคต
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนร้านค้า ร้านอาหาร ไม่เข้าเกณฑ์ สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่ต้องมีมาตรการในการป้องกัน ตรวจวัดไข้ มีหน้ากากาอนามัย เจลล้างมือ และตรวจทำความสะอาดสถานที่เสมอ คำสั่งดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.โรคิดต่อ มาตรา 35 (1) ในต่างจังหวัดให้เป็นอำนาจตรงของผู้ว่าฯ ในกรุงเทพฯ เป็นอำนาจตรงของผู้ว่าฯ กทม.ที่จะสามารถสั่งให้หยุด ปิด ระงับเป็นการชั่วคราวได้ นายกรัฐมนตรีกำชับว่ามาตรการดังกล่าวจะต้องให้ความรู้ประชาชนและดูและประชาชนให้ถูกต้อง โดยนอกเหนือจากนี้ในที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ เตีรยมที่จะเสนอให้เหลื่อมเวลาการทำงาน เหลื่อมเวลากินข้าวเที่ยง เหลื่อมเวลาการเดินทาง เพื่อลดความแออัด เตรียมให้ ครม.พิจารณาคนทำงานใน 20 กระทรวงและรัฐวิสาหกิจ พิจารณาให้ใช้การทำงานที่บ้าน โดยกระทรวงต้องรายงานให ครม.ทราบผลการทำงานที่บ้านทุก 7 วัน ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนได้ดำเนินการแล้ว แต่ราชการยังไม่มีรูปแบบที่เป็นรูปธรรม ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) ครม.จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง นอกจากนี้คณะกรรมการฯ มีมาตรการเยียวยาว โดยกระทรวงการคลังเสนอมาตการช่วยเหลือ ทั้งภาคอุตสาหกรรมที่จะยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ กระทรวงการคลังลดค่าเช่าที่ราชพัสดุ ตลาด ร้านอาหาร พื้นที่กรมธนารักษ์ และรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ เช่น อตก.
“หัวใจสำคัญของการประชุมในวันนี้ นายกฯ เน้นย้ำว่าสถานการณ์ในการป้องกันดูแลโควิด-19 ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับ 1 ของประเทศ เรื่องเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการท่องเที่ยว และอื่น ๆ เป็นลำดับรองลงมา ในเวลานี้ต้องเอาชีวิตของประชาชนให้รอดก่อน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่ขนาดไหน เมื่อสถานการณ์ทุเลา เราสามารถที่จะกลับมากระตุ้นอัดฉีดแศรษฐกิจท่องเที่ยวให้ฟื้นฟูได้ แต่ตอนนี้ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน” นายวิษณุ กล่าว
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนแห่กักตุนอาหารในขณะนี้ ว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหาร ขอให้ใช้ชีวิตเหมือนปกติ แต่ปฏิบัติตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ หากไปในที่ชุมชน อาจต้องระมัดระวังป้องกันตัว สวมหน้ากากอนามัย พกแอลกอฮอล์และเจลล้างมือ
ขณะที่ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่สำคัญกว่าการล้างมือ คือ ผู้ป่วยต้องแยกตัวพักอยู่ที่บ้าน ซึ่งสิ่งที่ต้องการขณะนี้คือการเพิ่มระยะห่างทางสังคม ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ 154 ประเทศ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 39 และขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วย 147 คน เฉพาะวันนี้ (16 มี.ค.) มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 33 คน สิ่งสำคัญคือลดผู้ป่วยลงให้มากที่สุด ยืนยันว่าระยะเกณฑ์แพทย์ยังอยู่ในระยะที่ 2 แต่โรคนี้ป้องกันได้ รักษาได้ และมียารักษา
นพ.โสภณ เกียรศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยค่อนข้างมาก จึงขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หลีกเลี่ยงการไปร่วมงานกับคนจำนวนมาก เพื่อลดการติดต่อของโรค หลีกเลี่ยงรถโดยสารสาธารณะและที่ชุมนุมต่าง ๆ เพื่อลดการติดต่อของโรค ส่วนคนที่ป่วยแต่ยังมีอาการยังน้อยอยู่ ขอให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนคนที่ป่วยมีปัญหาทางเดินหายใจชัดเจน และไข้สูงติดกัน 48 ชั่วโมงให้รีบไปพบแพทย์ ส่วนคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศ หากพบไข้ ขอให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่และพนักงานที่สนามบินทันที เมื่อมาถึง หากในกรณีพบไข้จะถูกส่งตัวไปตรวจอาการ หรือหากอยากขอคำแนะนำต่าง ๆ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สนามบินได้ตลอด ทั้งนี้ขอให้ดำเนินการติดต่อเจ้าหน้าที่หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับสนามมวยและแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน หากบุคคลใดพบว่าตนเองเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับเชื้อโควิด-19 ให้ไปพบหมอเพื่อตรวจอาการ แต่หากยังไม่มีอาการมาก ขอให้หลีกเลี่ยงพบปะผู้คนไปก่อนและหมั่นสังเกตอาการตนเองด้วยการวัดไข้ทุกวันและหากพบสิ่งผิดปกติ เช่น ไข้สูง และหายใจติดขัด ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันที เพื่อทำให้ผู้ป่วยภายในประเทศลดลง
ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้ที่ร่วมชุมนุมทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย นพ.โสภณ กล่าวว่า จากกรณีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับมหาดไทยในพื้นที่ตรวจพบว่ามี 2 รายป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจเข้าสู่การรักษาพยาบาลพร้อมกับการตรวจหาเชื้อ แต่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์แล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีเพียง 2 รายและไม่มีการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น โดยยอมรับว่าผู้ป่วยดังกล่าวอยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง
ด้านนางวราภรณ์ สุวรรณเจริญ ผู้อำนวยการกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า 2 กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ต้องตื่นตระหนกว่าจะไม่มีสินค้า ที่เห็นในภาพว่าตามโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ ของบนชั้นวางสินค้าหมดสต๊อกนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เรียกผู้ประกอบการมาหารือแล้ว และได้มีการกำชับไปแล้วให้วางสินค้าให้ให้เต็มชั้นวางสินค้า เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน.-สำนักข่าวไทย