อสมท เข้มมาตรการเชิงรุก ป้องกันโควิด-19

อสมท ชี้แจงกรณีนักจัดรายการวิทยุบุคคลภายนอก ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมคุมเข้ม ป้องกันเชิงรุก



ตามที่ ได้รับแจ้งว่า นักจัดรายการ คลื่นวิทยุ FM 99 MHz Active Radio จำนวน 1 คน ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ที่มาปฏิบัติงานที่ บมจ.อสมท ถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ (สำนักงานใหญ่) ได้รับการตรวจและยืนยันจากแพทย์ว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563  ซึ่งนักจัดรายการวิทยุคนดังกล่าวด้แจ้งให้ผู้อำนวยการฝ่ายคลื่นวิทยุ FM 99 MHz Active Radio ทราบในทันทีที่ได้รับการยืนยันผลตรวจ และได้มีการรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ขณะนี้นักจัดรายการวิทยุคนดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


สำหรับพนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับนักจัดรายการวิทยุ คนดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มนักจัดรายการ, ช่างควบคุมเสียง และเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน บมจ.อสมท ได้คัดแยกบุคคลกลุ่มดังกล่าว เพื่อดำเนินการกักตัว เป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยได้ดำเนินการตามแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ บมจ.อสมท พร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยสั่งการให้ คลื่นวิทยุ FM 99 Active Radio หยุดผลิตรายการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 เวลา 19.00 . และจะกลับมาออกอากาศปกติในวันที่ 30 มีนาคม 2563 เวลา 06.00 . เป็นต้นไป โดยระหว่างนี้ยังคงออกอากาศโดยไม่มีนักจัดรายการมาจัดรายการสดที่สตูดิโอ 


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บมจ. อสมท ได้มีประกาศ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ 14/2563  เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยขอความร่วมมือบุคลากร บมจ.อสมท งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศหรือเขตการปกครองที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศกรมควบคุมโรคโดยงเด็ดขาด รวมถึงดำเนินการพ่นยา  ฆ่าเชื้อไวรัส  เชื้อโรค และแบคทีเรีย ที่สำนักงานใหญ่ทุกชั้น ทุกอาคาร รวมถึงในสตูดิโอต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงตามแนวทางป้องกันโรคของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และตั้งจุดคัดกรองทุกอาคารเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร นอกจากนี้ ยังได้ทำประกันคุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กับพนักงาน บมจ. อสมท ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค



ภายหลังจากที่พบว่านักจัดรายการ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  บมจ.อสมท ได้ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยได้ดำเนินการแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  1. การเข้าอาคารต่างๆ ใน บมจ.อสมท ให้ผ่านจุดคัดกรองเท่านั้น และปิดประตูทางเข้าด้านอื่นเป็นการชั่วคราว โดยขอให้ผู้ที่ปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อในทุกอาคารต้องผ่านจุดคัดกรอง ก่อนเข้าอาคารหรือสัมผัสใกล้ชิดกับพนักงาน
  2. การใช้ลิฟท์โดยสาร ขอความร่วมมือลดความแออัดในการใช้ลิฟท์โดยสาร ดังนี้
  • จำกัดจำนวนคนและกำหนดพื้นที่ยืนในลิฟท์โดยสาร ให้มีระยะห่างพอสมควรตามเส้นแบ่ง 
  • การขึ้น ลงอาคาร จำนวน 1-2 ชั้น ขอความร่วมมือให้ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์โดยสาร  
  1. ดำเนินการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ที่บริเวณชั้น 5 อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของนักจัดรายการวิทยุ คนดังกล่าว ซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคทุกพื้นที่ในทุกอาคารแล้ว เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563
  2. ดำเนินการตามแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ในกรณีหากไม่สามารถดำเนินการออกอากาศได้ตามปกติ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  3. ปรับเวลาการปฎิบัติงานของพนักงาน โดยจะพิจารณาการจัดเวลาการปฎิบัติงานของแต่ละฝ่ายให้  เหลื่อมกัน เพื่อลดความแออัดในการใช้ทรัพยากรภายในพื้นที่ส่วนกลางของสำนักงาน รวมถึงอนุโลมให้ส่วนงานที่สามารถปฎิบัติงานที่บ้านหรือไม่จำเป็นต้องมาปฎิบัติงานที่สำนักงานทุกวัน ให้ปฎิบัติงานที่บ้านได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชา
  4. บมจ.อสมท ของดรับคณะศึกษาดูงานจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

บมจ. อสมท  ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคตามประกาศของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ บมจ.อสมท แต่อย่างใด  

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอความร่วมมือในการแจ้งต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านให้ทราบโดยทั่วกัน 

 

ฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อสังคม

     บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

 วันที่ 16 มีนาคม 2563




ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย