สุราษฎร์ธานี 1 ธ.ค.- ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ ประเมินแผนการค้นหาอีกรอบ หลังบินร่วม 3 ชั่วโมง ไม่พบวี่แวว 3 ชีวิตพ่อแม่ลูกสูญหายจากเหตุเรือลากจูงถูกคลื่นซัดล่มใกล้เกาะเต่าค่ำวานนี้ เผยทะเลยังมีคลื่นสูง น้ำซัดเข้าเรือตรวจการณ์
ความคืบหน้าเหตุเรือยนต์ลากจูงเรือพ่วงบรรทุก(เรือบาส) สินค้าเศษไม้ยางพาราสำหรับผลิตเชื้อเพลิง จำนวน 6 ลำ จากท่าเทียบเรือบริเวณปากน้ำ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ไปส่งที่ท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา ประสบคลื่นลมแรงสูง 5 เมตร ซัดทำให้เชือกลากจูงขาดและเรือพ่วงบรรทุกหลุดจากกันจมหายไป 1 ลำ พร้อมครอบครัวพ่อแม่ลูก 3 ราย ห่างจากเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 10 ไมล์ทะเล เมื่อค่ำวานนี้ (30 พ.ย.) ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเกาะเต่าเข้าช่วยเหลือได้ 8 ราย เป็นชาย 3 หญิง 2 และเด็ก 3 คน โดยนำผู้หญิงกับเด็กขึ้นฝั่งส่งไปรักษาตัวที่สถานีอนามัยเกาะเต่า ส่วนชาย 3 คนนั้น ขอเฝ้าเรือพ่วงบรรทุกสินค้าที่เกิดเหตุ
ส่วนการค้นหาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) หลังจากนายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมประเมินสถานการณ์ร่วมกับนาวาอากาศเอกสมใจ ชัยวงษ์ ผู้บังคับการกองบิน 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำเครื่องบินตรวจการณ์ของกองทัพอากาศบินตรวจสอบเหนือเกาะเต่า และบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อค้นหาพ่อแม่ลูก 3 ราย ที่ยังสูญหาย โดยใช้เวลาปฏิบัติการ 3 ชั่วโมง ยังไม่พบวี่แวว
ขณะที่การค้นหาทางทะเล ปรากฏว่าเรือตรวจการณ์ ต 97 ของกองทัพเรือภาคที่ 2 สงขลา มาถึงเกาะสมุย แต่ยังไม่สามารถนำเรือออกได้ เพราะคลื่นสูงซัดน้ำเข้าเรือตลอดเวลา ต้องดำเนินการสูบน้ำออกจากเรือ ขณะที่คลื่นมีความสูง 4-5 เมตร และมีฝนตก
นายอวยชัย กล่าวว่า จากการบินลาดตระเวนค้นหานานนับชั่วโมงยังไม่พบร่องรอยใด ๆ ซึ่งจะกลับมาประเมินระดับความลึกน้ำทะเลเพื่อวางแผนการค้นหา โดยขอความร่วมมือนักดำน้ำจากเกาะเต่าร่วมค้นหา หลังจากสภาพอากาศดีขึ้น โดยทุกหน่วยให้ความร่วมมือดีมากจนนำผู้ประสบเหตุขึ้นฝั่งได้ พร้อมขอความร่วมมือและกำชับผู้ประกอบการเดินเรือทุกประเภทห้ามออกทะเลในระยะนี้ ส่วนเรือสินค้าที่เกิดเหตุได้ออกเดินทางก่อนประกาศเตือนภัย.-สำนักข่าวไทย