ก.อุตฯ ดันแก้ PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ

กรุงเทพฯ 15 มี.ค. – กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เน้นทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ชู 3 มาตรการสำคัญ แก้ไขปัญหาเร่งด่วน 


นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการอย่างจริงจังในการแก้ปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม และได้เดินหน้าขับเคลื่อนวาระแห่งชาติผ่านคณะกรรมการ ผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานในสังกัด จาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม 

นายกอบชัย กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมออก 3 มาตรการสำคัญ เพื่อแก้ปัญหา ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับโรงงาน ขอความร่วมมือโรงงานในการลดกำลังการผลิตและควบคุมอย่างเข้มงวด การระบายมลพิษอากาศ โดยเฉพาะจังหวัดปริมณฑลที่มีโรงงานจำนวนมาก และพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ที่มีการประกอบกิจการเหมืองแร่เป็นจำนวนมากซึ่งมีความเสี่ยงที่จะปล่อยฝุ่นละออง


มาตรการที่ 2 การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง โดยวางแผนการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ปี 2562 – 2564 และระยะยาว ปี 2565-2567 โดยผลักดันมาตรการสำคัญกลุ่มยานยนต์ ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการหาแนวทางควบคุมและลดมลพิษจากยานพาหนะ อาทิ มาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การจัดการรถยนต์ตลอดช่วงอายุการใช้งาน ตลอดจนบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ ยูโร 5 ภายในปี 2564 และ ยูโร 6 ภายในปี 2565 นอกจากนี้ จัดทำมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถบรรทุก ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ให้ความเห็นชอบร่างมาตรฐานยูโร 4 ยูโร 5 และยูโร 6 ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 

นอกจากนี้ กลุ่มรถเก่ามอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หารือกับกรมการขนส่งทางบก จัดทำมาตรฐานระดับการปล่อยมลพิษค่า PM 2.5 เพื่อการกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐและวิธีการตรวจทดสอบรถยนต์ ส่วนรถใหม่มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) หารือกับค่ายรถยนต์ใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 4-6  กลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม กระทรวง ฯ จะเข้มงวดกับการควบคุมและลดมลพิษจากการเผาในที่โล่ง อาทิ กำหนดมาตรการทางกฎหมายโดยการออกระเบียบกำหนดให้โรงงานน้ำตาลรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบได้ไม่เกินร้อยละ 50 ในฤดูการผลิตปี 2563 ร้อยละ 20 ในปี 2564 และร้อยละ 5 ในปี 2565 ตามลำดับ โดยฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 หักค่าอ้อยไฟไหม้ในส่วนของชาวไร่อ้อย 30 บาทต่อตัน และในส่วนของโรงงานที่รับซื้ออ้อยไฟไหม้เกินร้อยละ 50 หัก 12 บาทต่อตัน ทั้งยังกำหนดพื้นที่ปลอดการเผาอ้อย และจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ซึ่งเป็นการสนับสนุนการตัดอ้อยสด ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ได้ในระยะยาว  กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรฐานการระบายมลพิษทางการอากาศ โดยคำนึงถึงศักยภาพการรองรับของพื้นที่ พร้อมติดตั้งระบบตรวจสอบการระบายมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติต่อเนื่องที่โรงงานอุตสาหกรรม และให้มีการรายงานผลผ่านระบบออนไลน์ ไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้มีการปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ  

มาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ แผนการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ปี 2562 – 2564 และระยะยาว ปี 2565-2567 จะเน้นหนักในด้านการส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ควบคุม ลดมลพิษทางอากาศ ตลอดจนการส่งเสริมสร้างความตระหนักจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการปรับพฤติกรรม และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศร่วมกันอย่างจริงจัง มุ่งให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อการแก้ปัญหาที่มีศักยภาพอย่างยั่งยืนต่อไป.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร