กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – หอการค้าไทย ร่วมกับพันธมิตร 22 องค์กรผู้เลี้ยงและแปรรูปกุ้งไทยชงแผนยกระดับกุ้งไทยเป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้งบ 5.4 พันล้าน หวังพลิกฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งสู่ระดับ 6 แสนตัน/ปี ภายใน 3-5 ปี เพื่อเป็นเสาหลักสร้างเศรษฐกิจและการจ้างงาน
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดย ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมด้วย ผู้แทนพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กร และสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ได้ประชุมหารือกับ นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือและยื่นแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ.2569-2573 วงเงินงบประมาณ 5,400 ล้านบาท ต่อนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ดร.ชนินทร์ เปิดเผยหลังหารือร่วมประชุมหารือกับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และทีมที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าท่าน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้ให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมแปรรูปกุ้งไทย ซึ่งอุตสาหกรรมกุ้งไทยในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเสาหลักของภาคเกษตรกรรมไทย และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยแรงงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 2 ล้านคน โดยในปี 2553 มีผลผลิตสูงสุดกว่า 640,000 ตัน และในปี 2554 มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 110,000 ล้านบาท และการแปรรูปกุ้งของประเทศไทยยังเป็นที่เชื่อมั่นของตลาดโลก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยอาหาร เทคโนโยโลยีที่ทันสมัย จนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในหลายประเทศ อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและการจ้างงานเพื่อกระจายเม็ดเงินไปสู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึงนั้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมกุ้งไทย ได้ประสบวิกฤตอย่างรุนแรงทั้งมิติเชิงเศรษฐกิจและขาดการวิจัยพัฒนาอุตสาหรกรรมกุ้งภายในประเทศ อาทิ วิกฤตโรคตายด่วน หรือEMS ที่เริ่มระบาดในปี 2555 ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคการผลิต ส่งผลให้ผลผลิตเฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 280,000–290,000 ตันต่อปี และมูลค่าการส่งออกลดต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกกุ้งรวมกว่า 500,000 ล้านบาทในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมกุ้งไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดิมได้ ดังนั้นความท้าทายนี้จึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ ทั้งในด้านการพัฒนาระบบการผลิต การวิจัยและจัดการโรค การยกระดับมาตรฐาน และการสนับสนุนเกษตรกรตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อฟื้นฟูศักยภาพของอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้กลับมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกอีกครั้ง
หอการค้าไทย พิจารณาเห็นแล้วว่า วันนี้ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทยเป็นการเร่งด่วน อีกทั้งได้รับหนังสือร้องเรียนจากพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กรเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและพลิกฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งไทยโดยเร่งด่วน เพื่อจะให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญและมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ และต้องขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้มอบหมายทีมทำงานมาร่วมประชุมหารือและรับฟังประเด็นปัญหาจากตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งปัจจุบันแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติอยู่ระหว่างขั้นตอนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมง นำเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนดังกล่าวแล้ว
ดร.ชนินทร์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า หากแผนปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลเป็นวาระแห่งชาติ พ.ศ. 2569-2573 ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จะช่วยฟื้นศักยภาพการผลิตและแปรรูปอุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับสู่ระดับ 600,000 ตัน/ปี ภายใน 3–5 ปี สร้างรายได้ให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท/ปี พร้อมเน้นย้ำว่า อุตสาหกรรมกุ้งไทย คือ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจการเกษตรและการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งหอการค้าไทย โดยนโยบาย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทย พร้อมสนับสนุนการทำงานและขับเคลื่อนร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงการคลัง รวมถึง พันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 22 องค์กร เพื่อร่วมกันผลักดันให้แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งครั้งนี้ สามารถยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งไทยไปสู่ความยั่งยืนโดยเร็ว.-516-สำนักข่าวไทย