สภาอุตฯ มอบหน้ากาก 1 แสนชิ้นให้โรงพยาบาล

กรุงเทพฯ 14 มี.ค.- ส.อ.ท.มอบหน้ากากผ้า 1 แสนชิ้น ให้ 10 โรงพยาบาลรัฐ พร้อมมอบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ 300,000 ลิตรให้โรงพยาบาลที่จำเป็น


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายในเดือนนี้ ได้เตรียมหน้ากากผ้า 100,000 ชิ้น มอบให้โรงพยาบาลรัฐ 10 แห่ง รองรับการรักษากลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 โดยหน้ากากผ้าคุณภาพเพียงพอ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ผ่านการทดสอบจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)  มีคุณสมบัติป้องกันละอองสารคัดหลั่งจากการไอหรือจามของผู้สวมใส่ที่มีขนาด 50-5 ไมครอน สามารถซักและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อช่วยลดขยะได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเตรียมผลิตหน้ากากผ้าราคาพิเศษให้กับผู้ประกอบการสมาชิกให้พนักงานได้ใช้

กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานผลิตเอทานอลทั่วประเทศ 26 โรงงาน สมาชิก ส.อ.ท.ร่วมมือกับกรมสรรพสามิตผลิตแอลกอฮอล์เพื่อใช้ฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริจาค 300,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท มอบให้โรงพยาบาลที่มีความจำเป็น โดยโรงพยาบาลที่ต้องการสามารถติดต่อที่สรรพสามิตทุกจังหวัดทั่วประเทศ


พลอากาศตรีไกรเลิศ เธียรนุกุล ผู้แทนโรงพยาบาลภูมิพล กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจึงแบ่งโซนสีแดง โซนสีส้ม และโซนเขียว โดยโซนสีแดง ใช้หน้ากากผ้าไม่ได้ เพราะแพทย์จะต้องดูแลผู้ป่วย การได้รับหน้ากากผ้าทำให้โรงพยาบาลสามารถนำหน้ากากผ้าไปจัดสรรให้บุคลากรในโรงพยาบาลสามารถนำไปใช้ได้ เพราะทำงานในส่วนสำนักงานของโรงพยาบาล     

กรณีการฟ้องร้องเรื่องตัวเลขส่งออกหน้ากากอนามัยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเจรจายุติปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากยื่นฟ้องเพื่อให้ดำเนินคดีกับโฆษกกรมศุลกากรกรณีแถลงข่าวตัวเลขส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตัน ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เมื่อวานนี้แล้วนั้น ขณะนี้ไม่มีการติดต่อจากโฆษกกรมศุลกากร และไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะเข้าสู่ขั้นตอนของเจ้าหน้าที่สอบสวนจะไปดำเนินการต่อและได้ทำหน้าที่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของกรมการค้าภายในในฐานะที่เป็นลูกหม้อรับราชการอยู่ที่กรมฯ นี้มาตลอดชีวิต โดยส่วนตัวไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานใดให้เกิดความเสียหาย และโดยส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับโฆษกกรมศุลกากรมาก่อน หากเจ้าพนักงานชี้ว่ามีมูลและสั่งฟ้องก็ต้องเคารพในการพิจารณาของเจ้าพนักงาน แต่ถ้าไม่มีมูลก็ไม่สั่งฟ้องถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ขอให้ทำความเข้าใจร่วมกันให้ถูกต้อง เพราะเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน “หากผิดพลาดต้องขออภัย” แต่ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันสู้กับปัญหาโควิด เพราะความจริงอาจเป็นการสื่อความเรื่องพิกัดอัตราภาษีหลายประเทศในกลุ่มที่ส่งออกด้วยกัน ทำให้ดูเหมือนจำนวนส่งออกหน้ากากอนามัยมียอดสูง และกรมศุลกากรได้ชี้แจงเพิ่มเติมไปแล้ว คาดว่าปัญหาดังกล่าวจะยุติลงได้


การจัดสรรหน้ากากอนามัยโดย “ศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย” เกิดขึ้นหลังหน้ากากอนามัยขาดแคลนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จนรัฐบาลต้องประกาศให้หน้ากากอนามัย กลายเป็นสินค้าควบคุม เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ให้โรงงานผลิตทั้ง 11 แห่ง ต้องผลิตหน้ากากส่งมาที่ศูนย์แห่งนี้ กำลังการผลิตเดือนละ 36 ล้านชิ้น หรือวันละ 1.2 ล้านชิ้น ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 7 แสนชิ้นให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบจัดสรรหน้ากากให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โรงพยาบาลในมหาวิทยาลัย องค์การเภสัชกรรม และองค์การอาหารและยา อีก 5 แสนชิ้นให้กรมการค้าภายใน กระจายสินค้าให้ประชาชนผ่านทางร้านค้าสะดวกซื้อ-ร้านธงฟ้าประชารัฐ และรถโมบายมากกว่า 100 คัน แต่ล่าสุด เพิ่งยกเลิกรถโมบายไปเมื่อ 11 มีนาคมที่ผ่านมา

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ให้เหตุผลที่ยกเลิกรถโมบายว่าไม่ตอบโจทย์ ขณะที่ร้านธงฟ้าต่างๆ ก็มีสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่วนที่ประชาชนร้องเรียนว่าไม่พบสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ เลยขอชี้แจงว่าร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรดที่ได้รับจัดสรรหน้ากากอนามัยจะทำแผนกระจายสินค้าเองว่าจะวางจำหน่ายสาขาใดบ้าง

สำหรับประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ให้ขายหน้ากากอนามัยแบบสีเขียวที่ผลิตในประเทศไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท เมื่อ 5 มีนาคม มีการจับกุมผู้กระผิดทุกวัน ข้อหาที่มีการจับกุมสูงสุดคือ ขายเกินราคาควบคุม รองลงมาคือ ไม่ติดป้ายแสดงราคา และขายแพงเกินจริง แต่ก็ยังมีคนใช้วิธีตั้งราคาขายไม่เกิน 2.50 บาท แล้วคิดค่าส่งแพงเกินจริงไปถึงเกือบ 1,000 บาท ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ มาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]