คปภ.เยียวยาทุกภาคส่วนรับมือโควิด-19

กรุงเทพฯ 12 มี.ค. – คปภ.ออกมาตรการช่วยเหลือทุกภาคส่วนจากผลกระทบโควิด-19 ขยายเวลาลดเบี้ยประกันภัยสิ้นสุด 30 มิ.ย.63 ลดดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ใช้คำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยเหลือร้อยละ 1 ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจสอบและยื่นเอกสารมากขึ้น ด้านธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจขนส่ง หากรถหยุดวิ่งขอคืนเบี้ยประกันภัยช่วงที่หยุดวิ่งหรือนำไปขยายระยะเวลาคุ้มครองของประกันภัยรถได้ 


สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ (คปภ.) จัดประชุมชี้แจงมาตรการบรรเทาผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 แก่ผู้ประกอบการในธุรกิจประกันในภาพรวม  โดยมีนายสุทธิพล ทวีชัยการ  เลขาธิการ คปภ. ระบุว่าการประชุมวันนี้เพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้านประกันภัย ทั้งในส่วนของการประกันชีวิต การประกันวินาศภัย และคนกลางประกันภัย แบบบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครบวงจร

มาตรการช่วยเยียวยาและช่วยเหลือประชาชน ทาง คปภ.ขยายระยะเวลาของมาตรการที่ คปภ.ได้ออกคำสั่งไปแล้ว ได้แก่ การผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตและอัตราเบี้ยประกัน รวมทั้งให้บริษัทประกันภัยให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยได้ไม่เกินร้อยละ 10 ที่เดิมมาตรการจะสิ้นสุด 30 เมษายน 2563 ขยายไปจนถึง 30 มิถุนายน 2563 


มาตรการเยียวยาช่วยเหลือบริษัทประกันภัย ออกคำสั่งเพื่อปรับปรุงดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ใช้ในคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัย จากเดิมที่กำหนดไว้มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 2 ปรับเป็นมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 1 ทั้งนี้เพื่อช่วยรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งจะมีการให้บริษัทประกันภัยจัดทำแนวทางปฏิบัติในเรื่องของการจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่้องสำหรับการรับมือการแพร่ระบาด ขณะนี้ยกร่างและรับฟังความคิดเห็นของบริษัทประกันภัยแล้ว 

นอกจากนี้ ยังผ่อนผันการส่งรายงานการดำรงเงินกองทุน และรายงานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงของบริษัท โดยผ่อนผันการส่งรายงานเงินกองทุนประจำปีรายไตรมาสและรายเดือนออกไปไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่กำหนดให้ส่งรายงาน โดยบริษัทประกันยื่นขอผ่อนผันเป็นรายกรณีได้ ยังผ่อนผันการยื่นรายงานทางการเงินที่ต้องยื่นให้ คปภ. งบรายไตรมาส งบการเงินเฉพาะรอบปีปฏิทิน รายงานเกี่ยวกับฐานการเงินและกิจการของบริษัททั้งในส่วนของบริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย บริษัทประกันสามารถยื่นขอขยายระยะเวลาต่อนายทะเบียนก่อนครบกำหนดยื่นได้ โดยนายทะเบียนจะพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นรายกรณีและตามความเหมาะสม โดยจะผ่อนผันให้ครั้งละไม่เกิน 30 วันนับแต่ครบกำหนด ซึ่ง คปภ.กำหนดว่าจะผ่อนผันกรณีที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทโดยต้องยื่นเหตุผลและความจำเป็น

คปภ.ยังปรับกระบวนการทำงานด้านการตรวจสอบบริษัทประกันด้วย โดยปรับแผนการตรวจสอบโดยจะบูรณาการการทำงานระหว่างสายวิเคราะห์ธุรกิจประกันภัย สายงานตรวจสอบ จะใช้กระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ดำเนินการมากขึ้น บริษัทประกันสามารถยื่นเอกสารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และการใช้เทคโนโลยีการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ เพื่อทำให้เกิดความสบายใจทั้งฝั่งบริษัทประกันภัยและฝั่งผู้เข้าไปตรวจสอบ กรณีมีความจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบก็จะดำเนินการเฉพาะจุด ตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อให้ชัดเจนว่า ในช่วงสถานการณ์นี้ ไม่มีบริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบและสร้างผลกระทบให้กับประชาชน 


มาตรการบรรเทาผลกระทบธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 คปภ.มีมาตรการช่วยเหลือ โดยในส่วนกรมธรรม์ของรถยนต์ที่ใช้ในการท่องเที่ยวจะช่วยเหลือด้วยการเปิดโอกาสให้รถที่ไม่ได้มีการใช้เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ผู้ประกอบการแจ้งหยุดการใช้รถกับบริษัทประกันภัยได้ โดยบริษัทผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในช่วงที่หยุดการใช้รถ หรือตกลงกับบริษัทผู้รับประกันภัยเพื่อนำเบี้ยประกันภัยที่ได้รับใช้ในการขยายระยะเวลาคุ้มครองของประกันภัยรถได้  สำหรับกรมธรรม์ใหม่และกรมธรรม์ที่ต่ออายุจะออกคำสั่งนายทะเบียนให้บริษัทผู้รับประกันภัยสามารถพิจารณาช่วยเหลือ โดยอาจให้ส่วนลดสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท สำหรับการทำสัญญาประกันภัยตั้งแต่วันที่มีผลบังคับตามคำสั่งจดทะเบียนจนกระทั่งถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 

นอกจากนี้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง คปภ.ยังพิจารณาที่จะมีการปรับปรุงประกาศ คปภ.และข้อบังคับทั่วไปของพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ซึ่งประกาศประกันภัยจะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคปภ.ในเดือนนี้(มี.ค.63) เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณาช่วยเหลือผ่อนผันให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและขนส่ง สามารถที่จะแบ่งชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์เป็นรายงวดได้ สำหรับผู้ที่มีการทำสัญญาหรือมีการชำระเบี้ยประกันภัยตามสัญญาตั้งแต่วันที่ผลที่ส่งนายทะเบียน จนกระทั่งถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 

มาตรการเยียวยาคนกลางประกันภัย คปภ.มีมาตรการขยายการยื่นงบการเงินและการบริการต่าง ๆ ของนายหน้า และยังขยายระยะเวลาการต่อใบอนุญาตต่าง ๆ จากเดิมขยายไปถึง 30 เมษายน 2563 ก็จะขยายออกไปสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2563 ส่วนรายงานการเงินที่ต้องยื่นต่อสำนักงาน คปภ.ในกรณีทั้งธรุกิจประกันชีวิตและวินาศภัย สามารถยื่นต่อนายทะเบียนเพื่อขอการขยายเวลายื่นได้ก่อนครบกำหนด โดยนายทะเบียนจะพิจารณาผ่อนผันรายกรณี ๆ ไป โดยผ่อนผันให้ครั้งละ 30 วัน แต่ถ้าพ้นระยะเวลาขอผ่อนผันแล้ว สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ก็สามารถยื่นขอความเห็นชอบต่อนายทะเบียนได้อีก นอกจากนี้ นายหน้าประกันภัยประเภทนิติบุคคลต้องมีแผนในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องสำหรับการรับมือกับเหตุการณ์การแพร่ระบาด

ในส่วนของสำนักงาน คปภ. มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดให้แก่ผู้มาติดต่อและพนักงาน คปภ. โดยมี แนวทางปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM) และการจัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan: BCP)ซึ่ง สามารถที่จะทบทวนสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย