กทม.11 มี.ค.-ตำรวจ ยังนิ่ง อ้างรอกรมการค้าภายในแจ้งความก่อน ลุยสอบกรณี “เสี่ยบอย” กักตุนหน้ากากได้เต็มที่
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยการเรียกปากคำพยาน เป็นอำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะประเด็นที่”เสี่ยบอย”อ้างว่า มีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ทำให้สังคมเกิดความสับสนและตื่นตระหนก ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า มีการกักตุนหน้ากากอนามัยจริงหรือไม่ เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และได้ส่งผลการตรวจสอบข้อมูลให้กรมการค้าภายในรับไปพิจารณาแล้ว ต้องรอให้กรมการค้าภายในเข้าแจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการก่อน จึงจะสอบสวนประเด็นนี้ได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจประเด็นนี้ และสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อคลายความสงสัยของสังคม ส่วนประเด็นที่พบว่า”เสี่ยบอย” เป็น กต.ตร. และเคยไปถ่ายภาพในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย เรื่องนี้จะหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้งว่า ต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะผู้ที่จะมาเป็น กต.ตร.ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์
มีรายงานข่าวว่า ประเด็นการตรวจค้นโรงงานย่านมีนบุรี ที่พบการเก็บหน้ากากอนามัย 500,000 ชิ้น และมีรายงานตัวเลขการจัดสรรหน้ากาก ส่วนบริษัทเอกชนย่านหนองแขม พบหน้ากากอนามัยประมาณ 10,000 ชิ้น จากการสอบสวนอ้างว่า สั่งซื้อผ่านเว็บออนไลน์ เพื่อเตรียมนำไปบริจาค ซึ่งผลการตรวจสอบทั้ง 2 จุด มีการส่งข้อมูลให้กรมการค้าภายในรับไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานกลับมาว่า การจัดสรรดังกล่าวพบความผิดปกติหรือไม่ ประกอบกับยังไม่มีการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการสอบสวน จึงยังไม่สามารถสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากได้ ส่วนประเด็นที่”พีท ทองเจือ” นักแสดงและบริษัท อาลี บาบา จะขอดำเนินคดีกับเสี่ยบอย ที่นำไปแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จะยังไม่นำมารวมในสำนวนคดีหลัก ส่วนการสอบปากคำ”เสี่ยบอย”ที่ผ่านมา ก็ยอมรับว่า เคยมีการซื้อขายหน้ากากอนามัย 200,000 ชิ้น แต่เป็นลักษณะให้มาเจอกันโดยตรง โดย”เสี่ยบอย”จะได้รับส่วนแบ่ง 50 สตางค์ ต่อหน้ากาก 1 อัน ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน”เสี่ยบอย”นั้นเตรียมส่งข้อมูลให้ ปปง. รับไปตรวจสอบว่ามีการทำธุรกรรมใดผิดปกติหรือไม่
มีรายงานว่า พรุ่งนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะเข้าพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เพื่อเข้ามอบหลักฐานกรณีกักตุนหน้ากากอนามัย จากนั้น จะนำหลักฐาน มอบให้กับ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อให้ตั้งคณะทำงานเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย
