ญาติมารอรับผู้กลับจาก ปท.เสี่ยงไปกักตัวที่บ้าน

บุรีรัมย์ 11 มี.ค.- ที่สถานกักตัวชั่วคราวในสนามกีฬาเอกชน จ.บุรีรัมย์ ญาติมารอรับผู้กลับจากประเทศเสี่ยงไปกักตัวที่บ้าน โดยพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการควบคุมโรคของภาครัฐอย่างเคร่งครัด  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะอนุญาตหรือไม่


ความคืบหน้ากรณีที่ประชาชนและแรงงาน ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แล้วถูกส่งตัวมายังสถานกักตัวชั่วคราวที่สนามกีฬาเอกชนใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ รวมจำนวน 186 คน เพื่อรอการตรวจคัดกรอง ก่อนจะส่งกลับจังหวัดภูมิลำเนา แต่ช่วงที่เดินทางมาถึงในคืนแรกกลับมีผู้นำภาพและข้อความไปโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าที่พักไม่มีความพร้อม แออัด ต้องนอนในเต็นท์ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน และใช้ห้องน้ำรวมกัน จนเกิดกระแสดราม่าในโลกโซเชียลขึ้น


กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดต้องออกมาแถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า เป็นการบริหารจัดการในสภาวะฉุกเฉิน และการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน โดยจังหวัดมีการจัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับเพียง 60 คน แต่มีการส่งตัวมาถึง 186 คน แต่ในฐานะเจ้าภาพก็ดูแลต้อนรับอย่างเต็มที่ แต่อาจจะไม่รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการคัดกรอง เพื่อเตรียมส่งตัวกลับไปกักตัวสังเกตอาการยังจังหวัดภูมิลำเนา


ขณะที่บรรยากาศในช่วงเช้าวันนี้ ก็มีญาติพี่น้องของประชาชนและแรงงาน ที่ถูกส่งตัวมารอการคัดกรองยังสถานกักตัวชั่วคราวภายในสนามกีฬาเอกชน จ.บุรีรัมย์ ต่างเดินทางมาเฝ้ารอรับญาติและลูกหลานของตัวเอง ซึ่งจากการสอบถามส่วนใหญ่ที่มารอรับ ต่างก็มีความประสงค์จะรับกลับไปกักตัวที่บ้านของตัวเอง และพร้อมจะปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการควบคุมโรคของทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้ก็ได้จัดเตรียมสถานที่กักตัวไว้ที่บ้านแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่า การตรวจสอบคัดกรองผู้ที่ถูกส่งตัวมาไว้ในสถานกักตัวชั่วคราวภายในสนามกีฬาเอกชน จ.บุรีรัมย์ จำนวน 186 คนนั้น มาจาก 40 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งเหนือ ใต้  อีสาน ส่วนคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ มีไม่ถึง 20 คน ส่วนกรณีที่จะให้ญาติรับตัวกลับไปเองหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทางราชการก็จัดเตรียมรถสำหรับส่งตัวไว้พร้อมแล้ว รอเพียงข้อสรุปในการดำเนินการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย