กรุงเทพฯ 10 มี.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุม สั่งสอบสวนประเด็น “เสี่ยบอย” โพสต์เฟซบุ๊ก เตรียมเรียกบุคคลที่ถูกแอบอ้าง / เจ้าของโรงงาน ประสาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขณะที่ตำรวจ ปอท.ยืนยันปล่อยตัวเสี่ยบอยไปแล้วเมื่อคืนนี้
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สอบถามความคืบหน้าผลการเข้าตรวจค้น 6 จุดเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดชลบุรี ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการโพสต์ข้อความของนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย อ้างว่าสามารถจัดหาหน้ากากอนามัยได้มากกว่า 200 ล้านชิ้น ทำให้สังคมเกิดความตื่นตระหนกว่ามีการกักตุนสินค้าจำนวนมาก เพื่อรอส่งขายต่างประเทศ
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ เปิดเผยว่า เป็นการประชุมมอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ติดตามความคืบหน้าเพิ่มเติมประเด็นสงสัยต่างๆ โดยเฉพาะบุคคลที่มีการอ้างอิงถึง และภาพแต่ละภาพที่นำไปโพสต์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร รวมไปถึงประสานไปยัง ปปง. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินขอเสี่ยบอย ว่ามีการทำธุรกรรมใดเข้าข่ายผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่ ส่วนประเด็นที่เสี่ยบอย ถ่ายภาพคู่กับตำรวจหลายนาย จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เป็นภาพในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ซึ่งเสี่ยบอย ไปขอถ่ายภาพด้วยอ้างว่าเพื่อเป็นที่ระลึกเท่านั้น
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า สำหรับประเด็นที่จะมีการตรวจสอบ ตำรวจจะเรียกนายพิตตินันท์ รักเอียด มาสอบปากคำ ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเสี่ยบอย /แต่ยังไม่จำเป็นต้องเรียกร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาให้ปากคำ เนื่องจากไม่มีภาพปรากฎในเฟซบุ๊กของเสี่ยบอย และยังไม่พบว่ามีโพสต์ใดที่อ้างถึง
ส่วนเจ้าของบริษัทเอกชนย่านหนองแขม จะเรียกมาสอบถามประเด็นเรื่องการทำธุรกิจที่ให้การว่า เคยส่งขายหน้ากากอนามัยให้กับทางการจีนในช่วงที่มีการระบาดโรคโควิด-19 ระยะแรกๆ ส่วนเจ้าของโรงงานย่านมีนบุรี จะซักถามในประเด็นที่มีการตรวจพบหน้ากากอนามัย 500,000 ชิ้น ในโรงงาน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เตรียมส่งขายให้กับลูกค้าซึ่งเป็นร้านขายยา 3,000-4,000 ร้านค้า จริงหรือไม่ ซึ่งทั้งบริษัทเอกชนและโรงงานดังกล่าว ตำรวจจะประสานข้อมูลให้กรมการค้าภายในตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนประเด็นที่จะขอให้ ปปง. ตรวจสอบ เช่น ภาพมีการนำสมุดบัญชีธนาคารที่มีเงินในบัญชี 300-400 ล้านบาท และเช็คสั่งจ่ายแต่ละฉบับว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะทราบผลอย่างเร็วที่สุดใน 3-4 วัน
ขณะที่ พันตำรวจโทกฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 3 ปอท. ยืนยันว่าเมื่อคืนนี้ได้สอบสวนปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมกับแจ้งข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว .-สำนักข่าวไทย