กทม.6 มี.ค.-เปิดตัวแอฟพลิเคชั่นวิเคราะห์สถิติเด็ก-เยาวชนก่อเหตุซ้ำ ตรวจสารเสพติดจากเส้นผม นวัตกรรมใหม่ทางนิติวิทยาศาตร์ ยุค 4.0
โรงเรียนนายร้อยตำรวจและสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. จัดเสวนา “การนำผลสำเร็จของการดำเนินงานไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนากระบวนการยุติธรรมของประเทศ” ภายใต้ “โครงการวิจัยท้าทายไทยกลุ่มกระบวนการยุติธรรมรองรับ 4.0 โดยมีการนำเสนอผลงานวิจัยที่น่าสนใจจำนวน 15 โครงการ ใน 3 ด้านคือด้านนวัตกรรมทางกฎหมาย 6 โครงการ, นวัตกรรมทางนิติวิทยาศาสตร์ 4 โครงการ, และนวัตกรรมด้านฐานข้อมูล 5 โครงการ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันของ 2 หน่วยงาน นำปัญหาในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมในชั้นการสืบสวนสอบสวน และนิติวิทยาศาสตร์ มาวิเคราะห์หาปัญหา และร่วมกันนำนวัตกรรมต่างๆ มาหาแนวทางการแก้ไข ซึ่งมีผลงานการวิจัยที่น่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ การตรวจสอบหาสารกัญชาในเส้นผมของเด็กและเยาวชน ในขั้นตอนกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ในการตรวจสอบเด็กและเยาวชน ที่อยู่ในสถานพินิจหรือพ้นโทษออกมาแล้ว , การป้องกันการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชน ในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน โปรแกรมพยากรณ์การกระทำผิดซ้ำของ เด็กและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะนำข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดของคดีและการสัมภาษณ์ส่วนบุคคล ไปให้ระบบ AI อัจฉริยะคำนวณว่า เด็กและเยาวชนคนใดที่มีโอกาสกลับมาก่อเหตุซ้ำและยังสามารถคำนวณถึงในระดับเขตพื้นที่ได้ว่าพื้นที่ใดที่มีโอกาสการกลับมาก่อเหตุซ้ำได้อีก ซึ่ง ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ในการเฝ้าระวังของตำรวจและกรมพินิจได้ ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ถึง อนาคตแบบปีต่อปี
นอกจากนี้ยังมีโครงการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและพื้นที่จุดเสี่ยงต่อการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยมีการนำข้อมูลทางคดีต่างๆมาจัดทำในรูปแบบของ QR code และ application ให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆสามารถตรวจสอบได้ว่าในจุดดังกล่าวมีจุดอันตรายหรือพื้นที่เสี่ยงในคดีรูปแบบต่างๆอยู่ตรงจุดไหนบ้างเพื่อให้เพิ่มความระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิต
ด้านนางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่าโครงการต่างๆที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจและ วช. ร่วมกันพัฒนาขึ้น สามารถนำไปใช้ได้จริงและได้ผลการปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี ในการวิเคราะห์การป้องกันเหตุอาชญากรรมต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนที่น่าเชื่อถือ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ยังมีโครงการบางส่วนที่ยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยประสานกับภาคีเครือข่ายต่างๆเพื่อพัฒนาโครงการหลายโครงการให้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

