กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – รมว.พาณิชย์วอนประชาชนไม่ต้องตกใจหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ เตรียมปล่อยคาราวานธงฟ้านำหน้ากากอนามัยจำหน่ายถึงที่นับแสนชิ้น สั่งกรมการค้าภายในพิจารณาต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าสูงขึ้นรัฐบาลเตรียมเงินชดเชย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาการกระจายหน้ากาอนามัย เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานพยาบาล แพทย์ และอื่น ๆ จะต้องได้รับการจัดสรรอย่างเป็นธรรม ยอมรับกำลังการผลิต 36-38 ล้านชิ้นต่อเดือน จากโรงงานผลิต 11 แห่ง แม้ภาครัฐจะขอความร่วมมือกับโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย แต่ประชาชนยังซื้อไปกักตุนย่อมจะเกิดการขาดแคลนแน่นอน ดังนั้น ขณะนี้ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม และหน่วยงานต่าง ๆ พยายามเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถมีหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 อย่างทั่วถึง ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามเร่งจัดระบบจัดสรรและให้ทุกฝ่ายสบายใจที่ยังสับสนในเรื่องการจัดสรร โดยกระทรวงพาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำจุดตามโรงงานหน้ากากอนามัย เพื่อรายงานตัวเลขมายังศูนย์ติดตามการกระจายหน้ากากอนามัย
ขณะเดียวกันวันนี้ (4 มี.ค.) กระทรวงพาณิชย์นัดประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อหาทางกำกับดูแลการจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้เกิดความเป็นธรรม โดยย้ำทั้งสถานพยาบาลและแพทย์โรงพยาบาลรัฐและเอกชนจะต้องได้รับการจัดสรรหรือมีหน้ากากอนามัยใช้อย่างเพียงพอ และวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) กระทรวงพาณิชย์จะปล่อยรถโมบายเคลื่อนที่ธงฟ้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกว่า 111 คัน แต่ละคันจะนำหน้ากากอนามัยไปจำหน่ายแพ็ก 4 ชิ้น 10 บาท ไม่ต่ำกว่า 10,000 ชิ้น ซึ่งจะมีหน้ากากอนามัยไปจำหน่ายพื้นที่ต่าง ๆ นับ 100,000 ถึง 1 ล้านชิ้นต่อวัน กระจายผ่านรถธงฟ้าเคลื่อนที่ ดังนั้น ขอให้ประชาชนซื้อหน้ากากอนามัยแบบพอเพียงไม่ต้องกักตุน
นอกจากนี้ แม้ความต้องการหน้ากากอนามัยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนมาก และมีการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตหน้ากากอนามัย แต่ขณะนี้วัตถุดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในอยู่ระหว่างสรุปตัวเลขวัตถุดิบนำเข้า โดยต้นทุนที่สูงขึ้นมากน้อยแค่ไหนทางรัฐบาลจะพิจารณาชดเชยเพื่อผลิตหน้ากากอนามัยให้เพียงพอ ที่ผ่านมาอาจจะเกิดความสับสนต่อกรณีการบริหารจัดการกระจายหน้ากากอนามัย หลังจากทุกฝ่ายร่วมกันไม่ว่าภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าจะทำให้การบริหารจัดการเป็นไปในทิศทางดีขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดภาครัฐจะพยายามบริหารจัดการภายใต้ปริมาณหน้ากากอนามัยที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ทุกฝ่ายรับหน้ากากอนามัยอย่างทั่วถึง แต่อยากวิงวอนประชาชนอย่าซื้อไปกักตุน ไม่เช่นนั้นของที่มีจะไม่เพียงพอ.-สำนักข่าวไทย