วชิระภูเก็ตเคลียร์ 6 ประเด็น กรณีหมอแจ้งความโควิด-19

ภูเก็ต 3 มี.ค.- ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต แจงทุกข้ออย่างละเอียด 6 ประเด็นการรับมือโควิด-19 หลังมีข่าวถูกหมอแจ้งความ ยืนยันการดูแลรักษามีมาตรฐานระดับประเทศ วางระบบคัดกรอง-เฝ้าระวังผู้ป่วยต้องสงสัยชัดเจนเป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุข


วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องประชุมฉัตรฟ้า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และ นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แถลงข้อเท็จจริงกรณีมีข่าว “หมอภูเก็ต” แจ้งความผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้านการป้องกันโควิด–19  


นพ.เฉลิมพงษ์ ชี้แจงว่า การปฏิบัติงานของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในสถานการณ์เฝ้าระวังโควิด-19 นั้นจะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน รวมทั้งมีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งเป็นภารกิจที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ดำเนินการเช่นเดียวกับทุกจังหวัดที่โรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดเป็นแม่ข่ายในการควบคุมโรค และการเฝ้าระวังผู้ป่วยต้องสงสัยตามคำนิยามว่าจะติดเชื้อ โดยร่วมกับโรงพยาบาลถลางและโรงพยาบาลป่าตอง การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นที่มาทำให้แพทย์ทั้ง 2 ไปแจ้งความ และเห็นว่าควรย้ายผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลถลาง แต่หากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตดำเนินการตามข้อเรียกร้องเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลถลาง ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงประชาชนในพื้นที่อำเภอถลาง จึงนำไปสู่ประเด็นที่มาของการแจ้งความ จึงขอชี้แจงข้อแจ้งความทั้ง 6 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

ประเด็นที่ 1 ข้อเสนอให้ผู้ป่วยต้องสงสัยแยกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าวได้ เพราะโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมีความพร้อมในด้านการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีห้องแยกที่พอเพียง ทั้งยังมีศักยภาพในการดูแลผู้ต้องสงสัยโควิด-19 ในกรณีอาการรุนแรงได้ดีกว่า ซึ่งขณะนี้ทั้งสามโรงพยาบาลได้ช่วยกันรับเคส PUI และยังบริหารจัดการได้ดี และเป็นการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้วย

ประเด็นที่ 2  แจ้งความว่าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เพียงพอ ขอยืนยันว่าอุปกรณ์ป้องกันอันตราย PPE มีให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้อย่างพอเพียงในทุกจุดที่ให้บริการ โดยมีการสนับสนุนกันระหว่างโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 11 ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ระหว่างกัน ทั้งนี้ ในส่วนของบุคลากรมีการสวมใส่ชุดป้องกันตามลำดับ ความสำคัญของความเสี่ยง มีมาตรการการล้างมือทำความสะอาด ขอยืนยันว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ มีความพร้อม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข 


ประเด็นที่ 3 มีการแจ้งความว่านำผู้ป่วยต้องสงสัย จากเอกชน มารักษาในห้องไอซียู อายุรกรรมรวม มีการใช้เคาน์เตอร์พยาบาลร่วมกัน ขอชี้แจงว่า เคยมีเคสผู้ป่วยต้องสงสัยชาวจีน ซึ่ง ข้อมูลจริงๆ ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดังนั้น จำเป็นต้องมาเฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้เข้าไปอยู่ในห้องอายุรกรรมรวม ผลการตรวจผู้ป่วยรายนี้เป็นลบ ไม่ติดเชื้อโควิด-19  ส่วนผู้ต้องสงสัยตามคำนิยามรายอื่นเข้าสู่ห้องที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ ณ ตึกรัตนโกสินทร์ 200 ปี

ประเด็นที่ 4 แจ้งว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัย และยังไม่ได้ดำเนินการวินิจฉัยจนถึงที่สุดไปนอนรวมกับผู้ป่วยรายอื่น ๆ นั้น ประเด็นนี้ไม่เป็นความจริง  ผู้ป่วยต้องสงสัยทุกรายจะเข้ารับการรักษาหน้าตึกรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีห้องรองรับทั้งหมด 19 ห้อง  มีห้องน้ำในตัว เครื่องใช้ต่าง ๆ มีการแยกและทำความสะอาด ผู้ที่จะเข้าไปสัมผัสบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ต้องมีการแต่งกายอย่างมิดชิดเพื่อป้องกัน เป็นไปตามมาตรฐาน และโรงพยาบาลไม่เคยให้ผู้ป่วยที่มีนัยยะความเสี่ยงโควิด-19 ไปปะปนกับผู้ป่วยอื่น ๆ 

ประเด็นที่ 5 แจ้งว่าไม่มีการตรวจเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกับการควบคุมและรักษา ขอเรียนว่านโยบายกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการเฝ้าระวังในเคสของบุคลากรที่กลับจากต่างประเทศ ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลมีมาตรการในการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์อย่างสูงสุด และเป็นไปตามลำดับขั้นมีมาตรฐานที่มีความเหมาะสม ทั้งการสวมชุดป้องกันโรคการสวมหน้ากากอนามัย การทำความสะอาดล้างมือ ดังนั้น ในวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ตรวจบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2,500 คน ไม่สามารถดำเนินการได้

ประเด็นที่ 6  ยืนยันมีการจัดเตรียมสถานที่รับผู้ป่วยฉุกเฉิน แยกจากผู้ป่วยต้องสงสัยอย่างชัดเจน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าระบบการรับมือ การควบคุมโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ต ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานระดับประเทศ และมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ประเด็นที่มีการแจ้งความอาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย