กรุงเทพฯ 2 มี.ค. – “เศรษฐพงค์” ชี้ หยุดเรียน-หยุดงาน ช่วงวิกฤตโควิด19-PM2.5 กระทบเศรษฐกิจ แนะ รัฐเร่งผลักดันนโยบาย “เรียน-ทำงาน-ทำธุรกิจ” ผ่านระบบออนไลน์ เป็นวาระแห่งชาติ ระบุ ภูมิใจไทย พร้อมผลักดัน หมดยุคหยุดเรียน*-หยุดทำงานช่วงวิกฤต ไม่สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ว่า ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ของทั้ง 2 ประเด็น มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศที่ยังไม่มีนโยบายในเรื่องออนไลน์อย่างจริงจัง เช่น การให้ทำงานที่บ้านได้ ทั้งในส่วนของภาคเอกชนและราชการ การเรียนออนไลน์ที่ไม่ต้องออกจากบ้าน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต รวมถึง การส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า ที่จะเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศ
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่ยังไม่มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง แต่รัฐบาลได้มีแนวทางอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับพรรคภูมิใจไทย ที่เราจะผลักดันอย่างจริงจัง ทั้งนโยบายทำงานที่บ้าน หรือการไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศในตัวเมือง แต่สามารถทำงานได้ที่จุด co-working space ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายหรือรับเชื้อโรคแล้ว ยังทำให้ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการหยุดงานลดลงไป หรือไม่มีผลกระทบเลยในบางธุรกิจ รวมถึง เรามีนโยบายเรียนออนไลน์ฟรี นโยบายนี้จะทำให้เด็กนักเรียน นักศึกษา ที่หยุดเรียนในภาวะวิกฤตไม่เสียการเรียน สามารถเรียนต่อเนื่องได้เลย แต่สิ่งสำคัญคือ กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานด้านการศึกษา จะต้องมีการรับรองหลักสูตรออนไลน์ให้เป็นที่ยอมรับในการสมัครเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานราชการ
“ผมเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับนโยบายดังกล่าว และผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะสถานการณ์วิกฤตทั้งไวรัสโควิท19 และฝุ่นพิษ PM2.5 อนาคตอาจเกิดขึ้นอีก ดังนั้น การมองอนาคตและเตรียมพร้อม เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร การทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก การที่เกิดโรคแล้วต้องหยุดเรียนหรือหยุดทำงานไปเลย มันไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบันแล้ว” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย