นนทบุรี 28 ก.พ. – ระดมทีมกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ปรับแผนสู้ภัย Covid-19 รุกปรับวิกฤติเป็นโอกาสทุกช่องทาง เชื่อแม้ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงแต่โอกาสแไทยในตลาดยังดีอยู่ปีนี้อย่างน้อยบวกร้อยละ 3
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) มาประชุมร่วมกันพร้อมกับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงและภาคเอกชนเพื่อหารือถึงสถานการณ์การส่งออกในปี 2563 ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องยอมรับความจริงว่านอกจากเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มชะลอตัว สงครามการค้า รวมทั้งกรณีภัยแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศและภาวะการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ตัวเลขของการส่งออกในเดือนมกราคมของปีนี้ ถือว่าอยู่ใช้ได้เป็นขยายตัวร้อยละ 3.35 ขยายตัวเป็นบวกในรอบ 6 เดือนและตลาดที่เป็นบวกชัดเจน ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 9.9 ตลาดจีนร้อยละ 5.2 แม้จะประสบปัญหาโควิด 19 ตลาดไต้หวันร้อยละ 13.1 ซึ่งสินค้าที่เป็นบวก คือ สินค้าเกษตร เช่น ยางพาราร้อยละ 12 ขยายตัวเพิ่มขึ้นในรอบ 5 เดือน เป็นผลจากการที่นำคณะไปลงนาม MOU และเร่งรัดการส่งมอบในปีที่ผ่านมา และ สินค้าไก่สดแช่แข็ง-ไก่สดแปรรูปร้อยละ 9.5 เครื่องดื่มเป็นร้อยละ 2.8 มอเตอร์ไซค์บวกร้อยละ 35.4 เฟอร์นิเจอร์ร้อยละ 29.9 เครื่องสำอางร้อยละ 13.8 โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Covid-19 ยังไม่ชัดเจนว่าจะยืดเยื้อไปมากน้อยแค่ไหน กระทรวงพาณิชย์จำเป็นที่จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในเรื่องของการส่งออกให้สอดคล้องกันเพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้ได้ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวง กับภาคเอกชน ดังนั้น สิ่งที่ต้องปรับคือในเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาด ในการส่งออกประกอบด้วยในส่วนของตลาดสินค้าบริการและแผนปฏิบัติการต้องมีรายละเอียดเชิงรุก กลยุทธ์เชิงรุกที่ชัดเจน สำหรับตลาดที่กำหนดไว้เดิม 18 ประเทศที่สรุปร่วมกับภาคเอกชนตั้งแต่ปลายปียังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่อาจจะต้องมีการปรับเรื่องเงื่อนเวลา ขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศนั้นด้วย
สำหรับสินค้าและบริการในตลาดสำคัญ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ แม้ว่าหลายประเทศยังคงกังวล Covid- 19 แต่กลุ่มสินค้าอาหารสำเร็จรูป ข้าว ผลไม้รวมทั้งผลไม้แปรรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จึงได้มอบหมายทูตพาณิชย์จีนติดตาม ซึ่งได้รับรายงานว่าช่วงที่เกิด Covid-19 ปรากฏว่าข้าวของประเทศไทยในตลาดจีนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นและเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะตลาดฮ่องกงขยายตัวถึงร้อยละ 15 ขณะที่อาหารสำเร็จรูปมีความต้องการสูงมากเพื่อทำอาหารรับประทานเองที่บ้านและเก็บสำรองไว้ส่วนผลไม้ไปฮ่องกงทางเครื่องบินต้องมีการเจรจากับสายการบินให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และมอบให้ท่านอธิบดีส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญสายการบินมาเจรจาขณะที่ภาคเอกชนยังมองตลาดจีนเป็นบวกอยู่ถ้าสามารถที่จะทำแผนเชิงรุกจะช่วยให้ตลาดสินค้าสำคัญ เช่น อาหารแปรรูปสามารถเข้าไปยึดครองตลาดจีนเพิ่มเติมในระยะยาวได้
นอกจากนี้ ตลาดสหรัฐอเมริกานั้น ตลาดข้าวยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งผลไม้แปรรูป เช่น สับปะรดแปรรูป รวมทั้งอาหารที่เป็นของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ตลาดสหรัฐโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีความต้องการสูงมาก ส่วนตลาดอินเดียยังมีโอกาสขยายตัวได้มาก คือ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ พืชเกษตร เช่น แป้งมัน น้ำมันปาล์ม ไม้ยางพารา ผลไม้ เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และร้านอาหารไทยยังเป็นภาคบริการที่ยังไปขยายตัวได้มากในอินเดีย รวมทั้งตลาดตะวันออกกลาง ยูเออีเป็นตลาดเดิมที่เราต้องรักษาไว้เพื่อกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
ส่วนตลาดยูเออี โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสินค้าฮาลาล ของไทยได้กลับมาให้การรับรองโดยประเทศยูเออีอีกครั้งหนึ่งหลังจากหยุดไปประมาณ 2 ปี ถือเป็นโอกาสสำคัญ โดยอาหารฮาลาลของไทยที่จะบุกไปตะวันออกกลางได้และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และสำนักงานทูตพาณิชย์จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้นำเข้ารับทราบและจะรีบดำเนินการในการจับคู่ธุรกิจให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกได้พบกัน ตลาดซาอุดิอาระเบียได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานเพื่อหาลู่ทางในการที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ จะนำภาคเอกชนเดินทางไปที่นั่นเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันต่อไปรวมทั้งบาห์เรน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้เพื่อทำมาตรการเชิงรุกในช่วงระยะเวลานี้ คือ ใช้หลายรูปแบบผสมผสานกันทั้งในส่วนของการดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆเหมือนที่เคยทำเพิ่มความถี่ขึ้นหรือว่าปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้นจากพบปะระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกการจัดคณะไปเยี่ยมตลาดสำคัญ 18 ตลาดเบื้องต้นจะจัดลำดับความเหมาะสมใหม่ เน้นช่องทางการค้าออนไลน์มากขึ้นสำหรับบางประเทศ เช่นประเทศจีน เพื่อให้เป็นช่องทางระบายสินค้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์เพราะคนไม่ค่อยออกจากบ้านยังสั่งสินค้าออนไลน์อยู่ และเน้นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจของศักยภาพสินค้าไทยในตลาดอ่อนไหว เช่น ตลาดสหรัฐ ตลาดสหภาพยุโรป ในอังกฤษ เป็นต้น เพื่อให้ทราบว่าสินค้าไทยแม้ในช่วงการแพร่ระบาดของ Covif-19 ยังมีคุณภาพและไม่มีผลกระทบ
ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศต้องเน้นการประชาสัมพันธ์รวมทั้งเร่งเปิดห้องไทยในแพคฟอร์มใหญ่ใหญ่ระดับโลกเพิ่มเติมเช่น T-mall ในอาลีบาบา ห้องไทย Bigbasket.com ของอินเดียและตั้งเป้าว่าไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเปิดห้องไทยใน Amazon.com และจะไปเปิดที่อเมซอนของญี่ปุ่นและ Presto ของมาเลเซีย จะเป็นช่องทางการจำหน่ายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ในปีนี้ ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่เท่าที่ได้หารือร่วมกับเอกชนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัวเป็นบวกได้ และคาดการณ์ส่งออกปีนี้เป็นบวกได้ร้อยละ 3 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกันอย่างเต็มที เนื่องจากยังคงมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย