กทม.23ก.พ.-สธ.เตรียมประกาศเพิ่มการเฝ้าระวัง คัดกรอง ผู้ที่กลับจาก อิตาลี และอิหร่าน หลังพบการแพร่ระบาด พร้อมขอให้มั่นใจมาตรการคัดกรอง 14 วันของ สธ. แม้จะมีผลวิจัยว่าโควิด-19 ใช้เวลาฟักตัวเป็น 19-24 วัน
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวง สาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 หรือโรคโควิด-19(COVID-19)ว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย(คนจีน 17 คน และคนไทย 4 คน) รวมสะสม 35 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมถึง 22 กุมภาพันธ์ มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังโรคสะสมทั้งหมด 1,355 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 ราย
และจนถึงขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่มีมาตรการจำเพาะ และสั่งห้ามไม่ให้เดินทางไปยังประเทศที่พบการแพร่ระบาด ไทยจึงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน และเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง คัดกรอง ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้อย่างเข้มข้น ครอบคลุมในทุกด่าน รวมทั้ง โรงพยาบาล และชุนชน แต่ความสำเร็จของการควบคุมโรค ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนด้วย โดยระยะนี้ ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาดใน 14 ประเทศ อย่าง จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ให้เฝ้าระวังตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ พื้นที่แออัด หรือ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการป่วย และรีบพบแพทย์หากไม่หายจากอาการเจ็บป่วย
นอกจาก 14 ประเทศก่อนหน้านี้ ล่าสุดได้มีการติดตามสถานการณ์เพิ่มเติมอีกสองประเทศคืออิตาลี และอิหร่าน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและมีการติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนจะประกาศเพิ่มการเฝ้าระวัง และคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากสองประเทศนี้ได้เมื่อไหร่จะต้องรอผลการประชุมของคณะกรรมการควบคุมโรคในวันพรุ่งนี้(24 ก.พ.)อีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีผู้ปกครองหลายคนกังวลว่าบุตรหลานจะติดเชื้อโควิด 19 หลังเดินทางไปทัศนศึกษา หรือ ทำกิจกรรมใดๆ ในประเทศที่พบการแพร่ระบาด และต้องการจะขอตรวจเชื้อ และใบรับรองแพทย์ เพื่อมายืนยันกับสถานศึกษา หรือ มหาวิทยาลัย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น เพราะการตรวจหาเชื้อหากไม่มีอาการ ตรวจไปก็จะไม่ได้ผล แต่แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเช่นเดียวกันกับการเดินทางกลับมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาด โดยจะขอความร่วมมือสถานศึกษา หรือ มหาวิทยาลัย จัดให้มีอาจารย์ หรือคุณครูหมั่นสังเกตอาการของนักเรียน นักศึกษา อย่างต่อเนื่อง และควรมีระบบการเรียนการสอนที่บ้าน หากอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง 14 วัน เหมือนเช่นกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ได้ทำ กับกลุ่มนักศึกษาจากประเทศจีนที่กลับมาจากประเทศบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีนโดยการให้เฝ้าระวังตัวเองอยู่ที่สถานที่พักเป็นเวลา 14 วัน ปรับวิธีการเรียนการสอนและการส่งการบ้านได้ทางออนไลน์แทน ผลปรากฏว่าช่วยคัดกรองได้เป็นอย่างดี
ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค กรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวดำเนินการ คือ ให้นักศึกษาที่เดินทางกลับมาจากจีนให้เฝ้าระวังอาการตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางมามหาวิทยาลัยเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้ง มีระบบคัดกรองตรวจวัดไข้นักศึกษาทุกวัน จัดการเรียนการสอนออนไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ เป็นอีกมาตรการป้องกันควบคุมโรค และเป็นต้นแบบของสถานศึกษาในการช่วยกันป้องกันควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี ส่วนในกรณีที่มีผลวิจัยจากในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อโควิด-19 น่าขยับเป็น 19 ถึง 24 วันทางประเทศไทยจะมีการขยายระยะเวลาเฝ้าระวังการฟักตัวจากเดิมที่กำหนดไว้ 14 วันหรือไม่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงยึดหลักตามทฤษฎีระยะเวลา 14 วัน แต่ไม่ได้หมายความว่าครบ 14 วันหากไม่มีอาการก็จะปล่อยตัวกลับบ้าน แต่การคัดกรองจะเฝ้าดูจนกว่าในการก่อตัวของเชื้อโรคจึงขอให้มั่นใจมาตรการการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขว่าได้ทำอย่างเข้มข้นและดูแลอย่างดีที่สุด.-สำนักข่าวไทย