จับตาการบินไทยเพิ่มมาตรการสู้โควิด-19

กรุงเทพฯ 21 ก.พ.- พิษโควิด-19 ทำสายการบินภูมิภาคเอเชียระส่ำหนัก! ดีดี.บินไทย ประชุมด่วนหาทางรับมือผลกระทบ วอนพนักงานอย่าตื่นตระหนกไปก่อน ด้าน “สหภาพฯ บินไทย” ร่อนแถลงการณ์แจงสมาชิก-พนักงาน ชี้ฝ่ายบริหาร ออกมาตรการเพิ่มต้องไม่กระทบสภาพการจ้างตามกฎหมาย


ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ว่า จากการระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยเฉพาะสายการบินในภูมิภาคเอเซียที่ได้รับผลกระทบหนักมาก และหลายสายการบินได้ออกมามาตรการที่จะมารองรับ ทั้งการลดต้นทุน ให้พนักงานลาโดยไม่จ่ายเงินเดือน และปรับลดสวัสดิการอื่นๆ ขณะที่สายการบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของไทย ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับลดเที่ยวบินในหลายเส้นทางบินภูมิภาคเอเซียกว่า 9 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฟิลลิปปินส์ บังคลาเทศ และ ยูเออี ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 30 เที่ยวบิน ขณะที่มีข่าวลือสะพัดในสื่อออนไลน์ภายในการบินไทยว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหาร การบินไทย ได้เตรียมออกมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากรเช่นเดียวกัน


ด้านนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในองค์กรที่สหภาพฯและฝ่ายบริหารจะต้องมีการหารือกัน แต่ในรายละเอียดนั้นตนยังไม่ได้รับแจ้ง แต่เชื่อมั่นว่าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พนักงานการบินไทยมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ตนขอให้กำลังกับทุกฝ่ายที่จะช่วยนำพาให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ไปได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของสัญญาและสภาพการจ้างงานนั้น ในเรื่องนี้ทั้งฝ่ายบริหารและสหภาพฯ ต่างรู้และมีความ เข้าใจในกฎระเบียบข้อนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนจะมีมาตรการอะไรออกมานั้น ทางสหภาพฯจะต้องตรวจสอบกับฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องที่จะต้องคุยกันบนหลักการของเหตุและผล มั่นใจว่าฝ่ายบริหารการบินไทย

ในขณะที่นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 นั้นทางการบินไทยได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มาตั้งแต่ก่อนประกาศปิดเมืองอู๋ฮั่น โดยมีการประชุมหารือทุกวันเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่าวใกล้ชิด รวมทั้งการกำหนดแผนและมาตรการเพื่อรองรับ โดยจะดำเนินการมาตรการจากเบาไปหาหนัก และทุกมาตรการที่จะประกาศออกมาในอนาคตนั้น ผ่านการพิจารณาอย่ารอบคอบโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้โดยสาร พนักงาน และองค์กรเป็นสำคัญ


โดยขอยืนยันว่า การดำเนินการใดๆจะส่งผลกระทบต่อพนักงานน้อยที่สุด และมีการรายงานสถานการณ์ให้พนักงานได้รับทราบเป็นระยะ ดังนั้นต้องขอให้พนักงานให้ความเชื่อมั่นฝ่ายบริหารและยกเว้นการเผยแพร่ข่าวลือต่างๆ

“ ขณะนี้ การบินไทย ยังไม่มีการประกาศมาตรการลดวันทำงาน หรือลดเงินเดือนตามข่าวลือแต่อย่างใด ทุกมาตรการจะต้องสัมพันธ์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ขอย้ำว่ามาตรการแรกที่จะประกาศ คือการปรับลดเงินดือนและค่าตอบแทนของผู้บริหาร ในขณะที่พนักงานฝ่ายปฏิบัตินั้นไดรับผลกระทบจากการลดเที่ยวบินอยู่แล้ว “ นายสุเมธกล่าว

ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่าการบินไทยมีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานอีกแค่2เดือนนั้น นายสุเมธ ปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยืนยันว่าสถานการเงืนของบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ และยังมีกระแสเงินสดเข้ามาตลอด และมาตรการลดเที่ยวบินต่างๆ การบินไทยจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการช้ากว่าหลายสายการบินเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารและพนักงานด้วย

นอกจากนี้ นายสุเมธ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับประธานสหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทยเพื่อยืนยันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันข่าวลือที่อาจส่งผลให้พนักงานตื่นตระหนกและแห่ไปถอนเงินออกจากสหกรณ์ฯดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบว่าสถานการณ์การเงินของทางสหกรณ์การบินไทยมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากวงการอุตสาหกรรมการบิน ระบุว่า สถานการณ์ไวรัสโควิค 19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือว่าเป็นการยกระดับสถานการณ์ระดับโลก ดังนั้นหัวใจสำคัญคือเรื่องของความเชื่อมั่น จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องประกาศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและผู้ค้าธุรกิจการบิน โดยเฉพาะสายการบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติว่าจะไม่มีปัญหาหรือส่งผลกระทบแจ่อย่างใด ในขณะเดี่ยวกันภาครัฐอาจต้องมีมาตรการเพื่อช่วยสนับสนุนเพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนนายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย เผยว่า สหภาพแรงงานฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ว่าฝ่ายบริหารเตรียมลดค่าใช้จ่ายและออกมาตรการลดวันทำงานและลดเงินเดือน ซึ่งกระทบต่อพนักงานผู้น้อยและเป็นการผิดระเบียบสภาพการจ้างว่าตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 บริษัทฯ ไม่สามารถสั่งให้พนักงานลดวันทำงานและลดเงินเดือน จะต้องได้รับความยินยอมเป็นรายบุคคล แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือในทุกวิถีทาง เพื่อให้ผ่านขั้นวิกฤตในครั้งนี้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย