จับตาการบินไทยเพิ่มมาตรการสู้โควิด-19

กรุงเทพฯ 21 ก.พ.- พิษโควิด-19 ทำสายการบินภูมิภาคเอเชียระส่ำหนัก! ดีดี.บินไทย ประชุมด่วนหาทางรับมือผลกระทบ วอนพนักงานอย่าตื่นตระหนกไปก่อน ด้าน “สหภาพฯ บินไทย” ร่อนแถลงการณ์แจงสมาชิก-พนักงาน ชี้ฝ่ายบริหาร ออกมาตรการเพิ่มต้องไม่กระทบสภาพการจ้างตามกฎหมาย


ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ว่า จากการระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยเฉพาะสายการบินในภูมิภาคเอเซียที่ได้รับผลกระทบหนักมาก และหลายสายการบินได้ออกมามาตรการที่จะมารองรับ ทั้งการลดต้นทุน ให้พนักงานลาโดยไม่จ่ายเงินเดือน และปรับลดสวัสดิการอื่นๆ ขณะที่สายการบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของไทย ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับลดเที่ยวบินในหลายเส้นทางบินภูมิภาคเอเซียกว่า 9 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฟิลลิปปินส์ บังคลาเทศ และ ยูเออี ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 30 เที่ยวบิน ขณะที่มีข่าวลือสะพัดในสื่อออนไลน์ภายในการบินไทยว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหาร การบินไทย ได้เตรียมออกมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากรเช่นเดียวกัน


ด้านนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการบริหารจัดการภายในองค์กรที่สหภาพฯและฝ่ายบริหารจะต้องมีการหารือกัน แต่ในรายละเอียดนั้นตนยังไม่ได้รับแจ้ง แต่เชื่อมั่นว่าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พนักงานการบินไทยมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ตนขอให้กำลังกับทุกฝ่ายที่จะช่วยนำพาให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ไปได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของสัญญาและสภาพการจ้างงานนั้น ในเรื่องนี้ทั้งฝ่ายบริหารและสหภาพฯ ต่างรู้และมีความ เข้าใจในกฎระเบียบข้อนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนจะมีมาตรการอะไรออกมานั้น ทางสหภาพฯจะต้องตรวจสอบกับฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องที่จะต้องคุยกันบนหลักการของเหตุและผล มั่นใจว่าฝ่ายบริหารการบินไทย

ในขณะที่นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 นั้นทางการบินไทยได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มาตั้งแต่ก่อนประกาศปิดเมืองอู๋ฮั่น โดยมีการประชุมหารือทุกวันเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่าวใกล้ชิด รวมทั้งการกำหนดแผนและมาตรการเพื่อรองรับ โดยจะดำเนินการมาตรการจากเบาไปหาหนัก และทุกมาตรการที่จะประกาศออกมาในอนาคตนั้น ผ่านการพิจารณาอย่ารอบคอบโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้โดยสาร พนักงาน และองค์กรเป็นสำคัญ


โดยขอยืนยันว่า การดำเนินการใดๆจะส่งผลกระทบต่อพนักงานน้อยที่สุด และมีการรายงานสถานการณ์ให้พนักงานได้รับทราบเป็นระยะ ดังนั้นต้องขอให้พนักงานให้ความเชื่อมั่นฝ่ายบริหารและยกเว้นการเผยแพร่ข่าวลือต่างๆ

“ ขณะนี้ การบินไทย ยังไม่มีการประกาศมาตรการลดวันทำงาน หรือลดเงินเดือนตามข่าวลือแต่อย่างใด ทุกมาตรการจะต้องสัมพันธ์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ขอย้ำว่ามาตรการแรกที่จะประกาศ คือการปรับลดเงินดือนและค่าตอบแทนของผู้บริหาร ในขณะที่พนักงานฝ่ายปฏิบัตินั้นไดรับผลกระทบจากการลดเที่ยวบินอยู่แล้ว “ นายสุเมธกล่าว

ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่าการบินไทยมีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานอีกแค่2เดือนนั้น นายสุเมธ ปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยืนยันว่าสถานการเงืนของบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ และยังมีกระแสเงินสดเข้ามาตลอด และมาตรการลดเที่ยวบินต่างๆ การบินไทยจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการช้ากว่าหลายสายการบินเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารและพนักงานด้วย

นอกจากนี้ นายสุเมธ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับประธานสหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทยเพื่อยืนยันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันข่าวลือที่อาจส่งผลให้พนักงานตื่นตระหนกและแห่ไปถอนเงินออกจากสหกรณ์ฯดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบว่าสถานการณ์การเงินของทางสหกรณ์การบินไทยมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากวงการอุตสาหกรรมการบิน ระบุว่า สถานการณ์ไวรัสโควิค 19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือว่าเป็นการยกระดับสถานการณ์ระดับโลก ดังนั้นหัวใจสำคัญคือเรื่องของความเชื่อมั่น จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องประกาศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและผู้ค้าธุรกิจการบิน โดยเฉพาะสายการบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติว่าจะไม่มีปัญหาหรือส่งผลกระทบแจ่อย่างใด ในขณะเดี่ยวกันภาครัฐอาจต้องมีมาตรการเพื่อช่วยสนับสนุนเพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนนายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทย เผยว่า สหภาพแรงงานฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ว่าฝ่ายบริหารเตรียมลดค่าใช้จ่ายและออกมาตรการลดวันทำงานและลดเงินเดือน ซึ่งกระทบต่อพนักงานผู้น้อยและเป็นการผิดระเบียบสภาพการจ้างว่าตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 บริษัทฯ ไม่สามารถสั่งให้พนักงานลดวันทำงานและลดเงินเดือน จะต้องได้รับความยินยอมเป็นรายบุคคล แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือในทุกวิถีทาง เพื่อให้ผ่านขั้นวิกฤตในครั้งนี้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย

เหตุดินโคลนถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ดับ 4 สูญหาย 5

เชียงใหม่ 28 ส.ค. – พายุคาจิกิที่พัดถล่ม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ทำน้ำป่าพัดดินโคลนถล่มหมู่บ้านปางอุ๋ง บ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง รถยนต์หลายสิบคันจมโคลน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ยังสูญหายอีก 5 ราย เจ้าหน้าที่เร่งค้นหา หมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักจากพายุคาจิกิ ทำให้เกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ดินโคลนทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง รถยนต์หลายสิบคันจมอยู่ในโคลน ล่าสุดเวลา 19.00 น. (27 ส.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ยุติการค้นหาผู้สูญหายจากดินถล่มแล้ว พบเสียชีวิต 4 ราย ยังสูญหายอีก 5 ราย นายนิกร แซ่เห่อ ผู้ใหญ่บ้านปางอุ๋ง เล่าว่า ดินโคลนไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านบางส่วนยังออกมาดูระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตาบ้านอย่างน้อย 7 หลังถูกซัดหายไป เหลือไว้แค่พื้นและเสาบ้าน เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานระดมกำลังพร้อมเครื่องจักรเข้าช่วยเหลือชาวบ้านรื้อซากปรักหักพัง ทีมกู้ภัยกระจายกันค้นหาผู้สูญหาย พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือชาวบ้าน […]