กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – เลขาฯ บีโอไอแจงผ่านเฟสบุ๊ค BOI News ระบุกรณี GM ยุติการผลิตรถยนต์ในไทย พร้อมขายศูนย์ผลิตให้ GWM เผยให้ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย รถที่ผลิตจะใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊ค BOI News กรณี General Motors ประเทศไทย หรือ GM ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ Chevrolet ในประเทศไทยภายในปีนี้ พร้อมขายศูนย์การผลิตรถยนต์ให้กับ Great Wall Motors หรือ GWM ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายใหญ่ ว่า บริษัท GM ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตั้งโครงการอยู่ที่จังหวัดระยอง โดยให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Chevrolet สำหรับตลาดในประเทศไทย และผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Holden สำหรับตลาดประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ บริษัทจึงจำเป็นจะต้องตัดสินใจประกาศยุติการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย รวมทั้งยุติการขายรถยนต์ยี่ห้อ Chevrolet ในประเทศไทยแล้วก็ยกเลิกการขายรถยนต์ยี่ห้อ Holden ในประเทศออสเตรเลียด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะยุติการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย แต่บริษัท GWM ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต รถ SUV และรถบรรทุกชั้นนำของประเทศจีนมีแผนที่จะเข้ามารับช่วงต่อกิจการในประเทศไทยและขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยวางแผนที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย รวมทั้งคาดว่าจะมีการจ้างงาน รวมถึงจะมีการลงทุนขยายการลงทุนในประเทศไทยมีการจ้างงานมีการเพิ่มทักษะบุคลากรของบริษัทต่อไป
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอจะหารือกับบริษัททั้ง 2 อย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น และนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระยะต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เป็นยานยนต์สมัยใหม่ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
ทั้งนี้ การชี้แจงของเลขาฯ บีโอไอ เกิดขึ้นหลังจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาให้ข้อมูลกรณีนี้ว่า การเข้ามาของ GWM เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่ง GWM วางแผนการผลิตรถยนต์ SUV และรถปิกอัพ รวมถึงการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 100,000 คันต่อปี โดย 50% ของการผลิตจะถูกส่งออกไปยังตลาดยานยนต์ทั่วโลกเช่น ยุโรป อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มต้นการผลิตภายในไตรมาส 1 ปี 2565 ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและ Supply Chain ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ การส่งออก และการจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันทาง GWM ยังมีการลงทุนวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ และเยอรมนี ในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ประเภทลิเทียมไอออน และเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญต่อนโยบายการสร้างฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยของรัฐบาลอีกด้วย .- สำนักข่าวไทย