ป.ป.ช. 17 ก.พ.-“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกันเพิ่มอีก 3 ราย “พลังประชารัฐ-พลังท้องถิ่นไท-ภูมิใจไทย” 2 คนเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ส่วนอีก 1 คนลงมติร่างกฎหมายอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 10.30 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำรายชื่อ 3 ส.ส.ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพิ่มเติม เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิด หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรณีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. โดยวินิจฉัยว่าการกระทำโดยไม่สุจริต ใช้สิทธิ์ออกเสียงลงมติแทนผู้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมประชุม เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในอาณัติมอบหมายของผู้ใด แต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ทั้งสมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 120 วรรคสาม และการออกเสียงลงคะแนนจะทำแทนกันไม่ได้ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 80 วรรคสามนั้น
กรณีดังกล่าว ศาลยังได้ระบุด้วยว่า บุคคลใดจะต้องรับผิด รับโทษอย่างไรหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ยื่นคำร้องไว้แล้วต่อ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวน สอบสวน ส.ส.ที่อาจกระทำการดังกล่าวไว้จำนวน 4 คน เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย , นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย , นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย และน.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ แต่ปรากฏว่ายังมี ส.ส.อีกหลายคนที่อาจมีพฤติกรรมดังกล่าวอีก 3 ราย คือ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ , นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท และนายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 อันถือได้ว่าเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น และอาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 และเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในข้อ 7 และข้อ 8 ในประเด็นที่ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และต้องไม่มีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งหาก ป.ป.ช. วินิจฉัยว่ามีความผิด ก็อาจนำไปสู่การสิ้นสุดลงของตำแหน่ง ส.ส.ตามมาตรา 101 (7) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ได้
นายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า ส.ส. 3 คนที่ยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบในวันนี้ ส.ส. 2 คนจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังท้องถิ่นไท พบว่ามีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ส่วน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่างกฏหมายอื่น แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าน่าจะสามารถเอาผิดได้ เพราะในเรื่องความผิดเกี่ยวกับการเสียบบัตรแทนกันนั้น เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว ซึ่งทำให้ ป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่ออัยการ อัยการฟ้องศาลฎีกา ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงได้ เพราะการเสียบบัตรแทนกัน ไม่ว่าทำในการลงมติร่างกฏหมายฉบับไหน ถ้ามีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือว่าเข้าข่ายความผิดด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย