สธ.14 ก.พ.-สธ.เผยรักษาโควิด-19 หายเพิ่มอีก 1 คน ทำให้ยอดรักษาหาย 13 คน เหลือนอน รพ.20 คน พร้อมสั่งตั้งด่านคัดกรองนักท่องเที่ยวมาจากพนมเปญ เหมือนอู่ฮั่น หลังผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัม มีข่าวป่วย 20 คน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 19 หรือ โควิด-19 ว่า ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม สถานการณ์การระบาดของโรคในไทย ถือว่าดีขึ้น อยู่ในลำดับที่ 6 ของการระบาดทั่วโลก ขณะนี้ผู้ป่วยของไทยได้รักษาหายแล้วเดินทางกลับบ้านเพิ่มอีก 1 คน คือหญิงชาวจีน วัย 33 ปี ทำให้ยอดผู้รักษาหายแล้วมีรวม 13 คน เหลือนอนรักษาโรงพยาบาล 20 คน ส่วนคนที่มีอาการหนัก 2 คน รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร อาการคงที่
ส่วนเรื่องข้อมูลของเรือเวสเตอร์ดัม ที่ผู้โดยสารอาจต้องเดินทางมาต่อเครื่องบินที่ไทยเพื่อกลับประเทศ เบื้องต้นได้ประสานขอข้อมูล ทราบชื่อผู้โดยสาร และลูกเรือทั้งหมดกว่า 2,000 คน แล้ว ซึ่งมาตรการจากนี้จะมี การตรวจคัดกรองผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากพนมเปญ กัมพูชา ทั้งทางบกและอากาศ ที่สนามบิน เหมือนเช่นกรณีผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนคนไทยทั้งหมด 21 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 19 คน ผู้โดยสาร 2 คนที่อยู่ในเรือเวสเตอร์ดัม หากต้องการเดินทางกลับไทย ก็ยินดี ขณะนี้ประสานสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญแล้วให้ดูแล ในการเดินทางกลับประเทศหากต้องการ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการป่วยของผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมอย่างเป็นทางการ เป็นแค่ข่าวก็ขอให้ทุกคนไม่ป่วย หรือเป็นอะไรมาก
นพ.สุขุม กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง 2 คน ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่า ได้รับความช่วยเหลือจากศิริราชพยาบาลได้มีเครื่องเอ็กซ์โม หรือปอดเทียม มาใช้ในพยุงการหายใจ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจน ในเลือดดีขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับปัญหาข้ามพรมแดนที่โก๊กโก่ แม่สอด และเมียนมา ซึ่งใกล้กับนิคมสร้างตนเอง ที่มีคนจีนอาศัย อยู่ 2-3หมื่นคน ขณะได้สั่งการให้มีการปิดพรมแดนธรรมชาติแล้วให้มีการเข้าออกในด่านหลัก เพราะมีเครื่องเทอร์โมสแกนตรวจจับวัดไข้ ในการคัดกรองผู้เดินทาง เนื่องจากในช่วงเทศกาล ตรุษจีนมีการข้ามพรมแดนประมาณ 6,000 คน และขณะนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง 2 คน ผลตรวจยืนยันเบื้องต้นเป็นลบ .-สำนักข่าวไทย