นนทบุรี 13 ก.พ. – อธิบดีกรมการค้าภายในเรียกผู้ส่งออกหน้ากากอนามัยหารือแจงห้ามส่งออก หลังมียอดขออนุญาตมากถึง 21 ล้านชิ้น
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังประชุมหารือกับผู้ส่งออกหน้ากากอนามัยมีการอนุญาตส่งออกรวมกันสูงถึง 21 ล้านชิ้น ทั้งที่มีการออกมาตรการดูแลหน้ากากอนามัยอยู่ในบัญชีสินค้าและบริการควบคุมที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตส่งออกเกิน 500 ชิ้นเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาในประเทศมีความต้องการใช้จำนวนมาก และปริมาณรวมกันถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตสูงสุดเดือนละ 35 ล้านชิ้น ขณะเดียวกันทุกประเทศจึงระงับการส่งออก และหากยังปล่อยให้ส่งออก อาจจะเกิดปัญหาขาดแคลนได้
อย่างไรก็ตาม การหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนผู้ส่งออกหน้ากากอนามัยครั้งนี้ ทางกรมฯย้ำการส่งออกหน้ากากอนามัยแบบปกติทั่วไปจะไม่อนุญาตให้ส่งออกทุกกรณี แต่ผู้ส่งออกได้มีข้อเสนอหากยื่นขออนุญาต 500,000 ชิ้น จะขอส่งออกเพียง 250,000 ชิ้น ส่วนที่เหลือจะจัดสรรไปยังศูนย์กระจายสินค้าของกรมการค้าภายใน เพื่อกระจายในประเทศ รวมทั้งขอผ่อนผันการส่งออกหน้ากากอนามัยลักษณะเฉพาะ เช่น ใช้ทางการแพทย์ และการป้องกันสารเคมี ซึ่งไม่ได้ใช้ในประเทศไทย โดยกรมการค้าภายในจะพิจารณาทุกประเด็นที่ผู้ส่งออกเสนออีกครั้ง
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขจะต้องผลิตหน้ากากอนามัยให้ใช้เพียงพอกับในประเทศก่อน และกำหนดให้ผู้ผลิต-ผู้ค้าและผู้ส่งออก ต้องแจ้งสตอกสินค้าภายในพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) หากรายใดยังไม่ดำเนินการตามกำหนดจะเข้าไปตรวจสอบทันที
ส่วนการจัดสรรหน้ากากอนามัยจากผู้ผลิตมาที่ศูนย์กระจายสินค้าของกรมการค้าภายใน จะเพิ่มการจัดสรรให้โรงพยาบาลมากขึ้น จากเดิมจะมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศบางส่วน เพราะหลายประเทศหยุดการส่งออก ทำให้หลายโรงพยาบาลขาดแคลนบ้าง แต่ในส่วนของโรงงานที่ผลิตป้อนให้กับโรงพยาบาลโดยตรง ยังดำเนินการเหมือนเดิมและกรมยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป.-สำนักข่าวไทย