กทม. 6 ก.พ.-ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีแกนนำกลุ่ม นปช. นำผู้ชุมนุมบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 โดยวันนี้เป็นการตัดสินชั้นฎีกา ด้านแกนนำ นปช. เผยไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็น้อมรับคำตัดสินของศาล
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาพร้อมกับ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. สังเกตว่าวันนี้ นายวีระกานต์ยังคงมีอาการไม่สบาย รวมถึงการตอบคำถามเป็นลักษณะประโยคต่อประโยค ไม่สามารถพูดยาวได้ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจไม่ได้สวมใส่ชุดสีแดงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
นายวีระกานต์ และ นพ.เหวง ให้สัมภาษณ์น้อมรับคำตัดสินของศาล ไม่ว่าวันนี้ผลจะออกมาอย่างไร หลังจากนั้นนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. เดินทางมาและให้สัมภาษณ์ว่าการต่อสู้วันนี้น้อมรับคำตัดสิน 13 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็มีอยู่ 2 อย่างคือ กลับบ้าน หรือติดคุก
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีสนามหลวง บุกมายังบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ได้ใช้เสาธงตีตำรวจบาดเจ็บสาหัส 1 นาย
ก่อนหน้านี้ศาลเคยนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2562 แต่ปรากฏว่านายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูเเถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่เคยปฏิเสธขอต่อสู้คดี และยื่นคำให้การใหม่ ขอให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี เพื่อหวังให้ศาลลงโทษสถานเบา แต่นายนพรุจ จำเลยที่ 1 ยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ จึงต้องส่งสำนวนกลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยคดีนี้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกแกนนำ นปช. 4 คน และนายนพรุจ รวมคนละ 2 ปี 8 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่เป็นแนวร่วม 2 คน.-สำนักข่าวไทย