รมว.ท่องเที่ยวฯ ตอบกระทู้ แก้ปัญหาท่องเที่ยวจากผลกระทบไวรัสโคโรนา

รัฐสภา 5 ก.พ.-สภาฯ ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ รมว.ท่องเที่ยวฯ ย้ำเน้นสร้างความมั่นใจไทยไม่ใช่แหล่งแพร่ระบาด มีมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในระดับสากล


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (5 ก.พ.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาฯ โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกปรึกษาหารือตามข้อบังคับการประชุม ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสาธารณูปโภค อาทิ ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านกรณีสนามกีฬาประจำอำเภอสำโรงทาบ ซึ่งประชาชนมีความต้องการ เนื่องจากจะเป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมของนักเรียนและใช้ประโยชน์ต่อชุมชน จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย หารือกรณีถนนทางหลวง อำเภอโพธิ์ทอง-แสวงหา ยังดำเนินการไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็น 4 ช่องทางจราจรตลอดเส้นทาง รวมทั้งหารือปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างพื้นที่ทางหลวงหมายเลข 309 บริเวณวัดไชโย ถึงอำเภอเมืองจังหวัดอ่างทอง รวมทั้งช่วงแยกที่ดินถึงแยกอำเภอป่าโมก มีปัญหาในบางช่วง จึงอยากให้กรมทางหลวงพิจารณาดำเนินการดูแลและซ่อมแซมให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังหารือขอให้ภาครัฐเพิ่มค่าตอบแทนให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งถือเป็นผู้ที่อาสาเข้ามาทำงานเพื่อชุมชนและสังคม จึงต้องการให้มีการเพิ่มสวัสดิการให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ พร้อมกันนี้ยังเสนอเพิ่มเงินดำรงชีพให้กับผู้สูงอายุและผู้พิการ


พร้อมกันนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมในการพาคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน กลับมายังประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการดำเนินการต่าง ๆ ของทางภาครัฐ ถือว่าเป็นมาตรฐานและมีการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา แต่สิ่งที่กังวล คือ เรื่องการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับข้อมูลด้านสาธารณสุขที่ถูกต้อง ป้องกันปัญหาเรื่องของข้อมูลข่าวที่เป็นเท็จ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

จากนั้น นายวรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย ตั้งกระทู้ถามนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า ขณะนี้ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ได้แพร่ระบาดไปยังหลายประเทศ ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อในไทย 25 ราย รักษาหายแล้ว 8 คน และอีก 17 คนยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล มีหลายหน่วยงานที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดให้ได้ โดยไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ทำให้ประชาชนวิตกกังวล ไม่กล้าเดินทางออกนอกประเทศ

นายวรศิษฏ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ทางการจีนมีการจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยลดลง ซึ่งภาคการท่องเที่ยว ถือเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึงปีละ 3 ล้านล้านบาทจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนถึง 10 ล้านคน สูงที่สุดของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ขณะนี้เห็นผลแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเมืองหลักลดลง ทั้งจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ สมุย และกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึก และเรือนำเที่ยวที่ซบเซาลง สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงถึงร้อยละ 60 แล้ว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย จึงขอถามว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีการติดตามสถานการณ์และมีการประเมินความเสียหายกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอย่างไร และมีนโยบายช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั้งในระยะสั้นอย่างไร และในระยะยาวมีนโยบายสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างไร รวมถึงมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ด้วย และทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีการวางแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศไว้อย่างไร เพื่อทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง 


ด้าน นายพิพัฒน์ ตอบกระทู้ถามว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2563 ทำให้ไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวไปแล้วกว่า 12,249 ล้านบาท ทางกระทรวงฯ เล็งเห็นผลกระทบที่นักท่องเที่ยวชะลอตัว แต่เป็นโอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลเตรียมดำเนินการต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มขีดความสามารถมัคคุเทศก์ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมรองรับการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการคลังออกมาตรการความเป็นไปได้ในการลดภาษีน้ำมันให้กับสายการบิน การลดดอกเบี้ยเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน ส่วนการช่วยเหลือธุรกิจด้านการท่องเที่ยวนั้น จะมีการลดภาษีสนามบินให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติใหม่ที่นอกจากจีน การสนับสนุนทุนดอกเบี้ยต่ำให้กับสถานประกอบการ การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเลื่อนการเดินทางมายังไทยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะมีการประเมินผลด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย การจัดทำแนวทางการสื่อสารระบบ Single Massage ให้เป็นแนวทางเดียวกัน เน้นย้ำสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งแพร่ระบาด และมีมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในระดับสากล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ และมีการตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ โดยมีการประชุมทุก 2 วัน และวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ จะเชิญนายกสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มาร่วมกับทำเวิร์คช็อปเพื่อหามาตรการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกัน รวมทั้งหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น แบ่งเป็นมาตรการในระยะ 3 เดือน และ 6 เดือนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2563 โดยจะชูชุดแข็งจากน้ำใจของคนไทย เต็มใจบริการ โดยจะมีการสื่อสารเพื่อเห็นใจและให้กำลังใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเครือข่ายผู้ประกอบการจีน สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมายตลาดที่มีศักยภาพร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ การสร้างความเข้าใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีการสื่อสารให้ประชาชนรู้เท่าทันโรค แสดงออกถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ความห่วงใยในการดูแลสุขภาพไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการแจกหน้ากากอนามัยในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และหากพบนักท่องเที่ยวที่เข้าข่ายติดเชื้อให้รีบแจ้งทันที

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการระยะยาว จะเน้นสร้างความมั่นใจในการคัดกรองนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่จะเดินทางมาไทยในช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และกระตุ้นให้เกิดตลาดการท่องเที่ยว เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจลงตรา ยกระดับคุณภาพด้านการท่องเที่ยว ขยายเวลาธุรกิจภาคกลางคืน เฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ สนับสนุนเที่ยวบินเหมาลำจากตลาดที่มีศักยภาพ เช่น เกาหลี รัสเซีย และจีน เชื่อว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพให้เดินทางมายังไทยได้ การส่งเสริมธุรกิจประชุม สัมมนา และแต่งงาน ให้เข้ามาจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง การประชาสัมพันธ์และเชิญชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะอินเดีย รวมถึงส่งเสริมและกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้มีการใช้จ่ายให้ทั่วถึงในธุรกิจห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย