กรุงเทพฯ 4 ก.พ. – รมว. เกษตรฯ สั่งกรมชลประทานเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำทั่วประเทศ แก้ปัญหาทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ดำเนินโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาวตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ ด้านอธิบดีกรมชลประทานระบุ ได้รับอนุมัติงบประมาณปี 64 เดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ 5 โครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2563 และ 2564 นี้มีนโยบายให้กรมชลประทานเพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำทั่วประเทศ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ฤดูกาลผันผวน โดยในปีที่ผ่านมาเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน แล้วกลับมีฝนตกหนักจนน้ำท่วม ดังนั้น หากมีพื้นที่เก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นจะบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งและอุทกภัยได้มาก โดยในปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ ตั้งงบประมาณไว้ 24,351 ล้านบาทเพื่อจัดทำแก้มลิงใน 30 จังหวัด 75 โครงการ พัฒนาแหล่งน้ำ 64 จังหวัด 341 โครงการ ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ 53 จังหวัด 392 โครงการ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำ 24 จังหวัด 49 โครงการ รวมถึงขุดบ่อน้ำในไร่นาพื้นที่นอกเขตชลประทาน 66 จังหวัด 40,000 บ่อ
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กรมชลประทานทำแผนที่แหล่งน้ำ โดยสำรวจว่า มีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ฝาย และแก้มลิงที่อายุ 20 ปีขึ้นไปอยู่ที่ใดบ้าง จากนั้นจะตรวจสอบว่า ที่ได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปบริหารจัดการนั้น ที่ใดขาดศักยภาพในการดูแลจนทำให้ตื้นเขินหรือชำรุดบ้างซึ่งจะได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นว่า จะส่งคืนให้กรมชลประทานดูแลหรือไม่เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า เตรียมพร้อมดำเนินการโครงการชลประทานที่สำคัญซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. เกษตรและสหกรณ์เสนอเข้าที่ประชุมครม. เพื่ออนุมัติเนื่องจากเป็นโครงการชลประทานที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000ล้านบาทขึ้นไป รวม 5 โครงการซึ่งจะใช้งบประมาณปี 2564 ประกอบด้วย
1. โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่ง ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อ 8 ม.ค. 62 วงเงิน 21,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะตัดยอดน้ำที่จะไหลผ่านเกาะเมืองอยุธยา เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยลดอุทกภัยในพื้นที่
2. โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งครม. เห็นชอบเมื่อ 12 ธ.ค. 60 งบประมาณ 9,580 ล้านบาท โดยเสนอครม.อนุมัติตั้งงบสำหรับคลองระบายน้ำและอาคารประกอบรวม 2,751.40 ล้านบาท ในปี 2564
3. โครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วงเงินโครงการ 13,000 ล้านบาท โดยเสนอขออนุมัติตั้งงบ 2 รายการวงเงินรวม 7,060 ล้านบาท โดยปี 2564 เสนอขอตั้งงบจำนวน 1,412 ล้านบาทเพื่อเร่งปรับปรุงคลองระบายน้ำ D1 พร้อมอาคารประกอบซึ่งคลองนี้จะตัดยอดน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเพชรไปออกทะเล อัตราการระบาย 500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาทีเนื่องจากแม่น้ำเพชรช่วงไหลผ่านตัวเมืองมีศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 150 ลบ.ม.ต่อวินาทีส่งผลให้มีปัญหาน้ำท่วมในเมืองซ้ำซาก
4. โครงการปรับปรุงคลองยม-น่านเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและการขาดแคลนน้ำ วงเงิน 2,875 ล้านบาท โดยเสนอครม.อนุมัติตั้งงบ 1 รายการ วงเงิน 1,899.8360 ล้านบาท โดยปี 2564 ขออนุมัติตั้งงบ 379.9672 ล้านบาท
5. โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรีซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำภาคตะวันออก วงเงินรวม 6,400 ล้านบาท ซึ่งได้ขออนุมัติตั้งงบปี 2564 จำนวน 300 ล้านบาทเพื่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ
“ทั้ง 5 โครงการอยู่ในแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและแผนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งเห็นชอบตามแผนตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ โดยกรมชลประทานจะแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโครงการเพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ” นายทองเปลวกล่าว . – สำนักข่าวไทย