หอการค้าไทยชี้มีหลายปัจจัยฉุดเศรษฐกิจปี 63

กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – หอการค้าไทยชี้มีหลายปัจจัยฉุดเศรษฐกิจปี 63 ไวรัสโคโรนาหนักสุด จีดีพีหดร้อยละ 1.3 เงินหาย 226,700 ล้านบาท แต่ยังคงประมาณการร้อยละ 2.8 เนื่องจากหลายปัจจัยยังไม่นิ่ง


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยประเมินผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2563 ใน 5 ปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วย การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ความต้องการสินค้าลดลงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศลดลงร้อยละ 1.3 คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ  226,700 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ทางหอการค้าไทยยังคงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 2.8 เนื่องจากเห็นว่ามีหลายปัจจัยยังคงไม่แน่นอนและมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่โอกาสเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.5 มีโอกาสมากขึ้น  โดยปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีผลกับจีดีพีประเทศมากที่สุด โดยประเมินว่าหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนมีนาคม การท่องเที่ยวฟื้นตัวภายใน 3 เดือนหลังจากนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปจะทำให้จีดีพีลดลงร้อยละ 0.67 มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 117,300 ล้านบาท แต่หากเหตุการณ์ยืดเยื้อเกินเดือนพฤษภาคมผลกระทบต่อจีดีพีจะมีสูงขึ้น 


นอกจากนี้ ปัญหาความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน โดยเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือนเมษายนจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีลดลงร้อยละ 0.44 ส่งผลกับมูลค่าทางเศรษฐกิจ 77,500 ล้านบาท ภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงเป็นเวลา 1 เดือน และปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ต่ำกว่าปีก่อน ส่งผลต่อจีดีพีร้อยละ 0.06 มีผลกับมูลค่าทางเศรษฐกิจ 10,200 ล้านบาท ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 มีผลกับจีดีพีร้อยละ 0.02 มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 3,800 ล้านบาท ดังนั้น หอการค้าไทยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาล คือ การที่รัฐบาลต้องทำตลาดเชิงรุกตลาดที่มีศักยภาพออกมาตรการฟรีวีซ่าระยะสั้นและมีการเพิ่มประเทศมากขึ้น เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่กันจากปีก่อนให้เร็วขึ้น รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนในส่วนของรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ การบริหารจัดการค่าเงินบาทให้อ่อนค่าใกล้เคียงกับระดับ 31.5-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่