กรุงเทพฯ 28 ม.ค – “สนธิรัตน์” เสนอแก้กฎหมายกองทุนน้ำมันฯ หนุนเชื้อเพลิงชีวภาพต่อ จากเดิมกำหนดไม่อุดหนุนใน 7 ปีข้างหน้า
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งต่อสำนักนายกรัฐมนตรีว่าจะเสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้สามารถอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพได้ จากเดิมจะต้องเลิกอุดหนุนทั้งหมดภายใน 7 ปี หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายปี 2562 ซึ่งนายสนธิรัตน์ มองว่าเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งไบโอดีเซล เอทานอล เป็นน้ำมันบนดิน ช่วยเหลือเกษตรผู้ปลูกพืชพลังงาน เช่น ปาล์ม อ้อย มันสำปะหลัง ช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน หากไม่มีกลไกกองทุนน้ำมันเข้ามาดูแลก็จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาและความมั่นคงทางพลังงานเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดคงจะต้องมาดูกันต่อไปว่าจะดำเนินการแก้ไขมาตราใดอย่างไรบ้าง และที่สำคัญจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสกัดกั้นการนำเข้าวัตถุดิบน้ำมันชีวภาพจากต่างประเทศควบคู่กันไป เพื่อให้รัฐสภาเห็นความชัดเจนว่าการอุดหนุนน้ำมันบนดิน คนไทยได้ประโยชน์แท้จริง
ทั้งนี้ ตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุว่าการอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพสามารถอุดหนุนได้ 3 ปี และต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 2 ปี รวมแล้ว 7 ปี แต่มีเงื่อนไขกำกับจะต้องลดจำนวนการจ่ายเงินอุดหนุนทุกปี ดังนั้น ทาง สกนช.จึงต้องทำแผนลดการอุดหนุนทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลเริ่มตั้งแต่ปีนี้ตามกฎหมายกำหนด ซึ่งในส่วนของบี 7 และบี 10 คงไม่สามารถคงส่วนต่างบี 7 ในอัตรา 2 บาท/ลิตร และ 3 บาท/ลิตร ตามลำดับได้ตลอดไป เพราะจะกระทบต่อฐานะกองทุนฯ โดยเฉพาะหากบี 10 มีความนิยมมากและใช้ได้ถึง 50 ล้านลิตร/วันตามแผนงานแล้ว เงินอุดหนุนจะสูงถึง 3, 000 ล้านบาท/เดือน ขณะที่เงินกองทุนมีฐานะสุทธิขณะนี้ประมาณ 36,758 ล้านบาท
ส่วนกลุุ่มเบนซิน เมื่อยกเลิกอี 10 แก๊สโซฮอล์ 91แล้วส่งเสริมอี 20 เป็นเขื้อเพลิงหลัก ก็ต้องมาปรับเปลี่ยนกองทุนเพื่อถ่างราคาให้มีคนใข้อี 20 เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเพิ่มเงินกองทุนที่เก็บจากแก๊สโซฮอล์ 95 จาก 1.20บาท/ลิตร ส่วนอี 20 ในช่วงแรกจะลดการชดเชยจาก 1.78 บาท/ลิตรก็คงเป็นไปไม่ได้
“ภาพรวมแล้วปีนี้รายได้กองทุนน้ำมันคงลดลงจากการประกาศใช้บี 10 และอี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานหลัก ขณะที่รายได้กองทุนฯ จากบี 7 และแก๊สโซฮอล์ 91 จะลดลง แต่ก็โชคดีราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกเริ่มลดลงจากผลกระทบโคโรนาไวรัส ทำให้เงินบัญชีน้ำมันไม่ต้องไม่อุดหนุนบัญชีก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องทำแผนบริหารให้เหมาะสม” นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวด้วยว่า สำนักงานฯ ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษากรอบการดำเนินงาน, กำลังคน, งบประมาณ อัตราจ้าง ตามกฎหมายใหม่ที่มีภาระเพิ่มขึ้น จะศึกษาเสร็จใน 2 เดือนข้างหน้าแล้วต้องทำเรื่องขออนุมัติจากกรมบัญชีกลางต่อไป และต้องทำเรื่องสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่แทนตน ซึ่งจะครบวาระเนื่องจากอายุครบ 65 ปีในเดือนเมษายนนี้
ส่วนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 ม.ค.) เห็นชอบแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 4 คน ได้แก่ นายชวลิต พิชาลัย อดิตรองปลัดกระทรวงพลังงาน น.ส.วิมล ชาตะมีนา อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ อดีตเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ส่งผลให้คณะกรรมการฯ ครบองค์ประชุม 15 คนและเตรียมเปิดประชุมหารือเกี่ยวกับระเบียบการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2563 .-สำนักข่าวไทย