วอนคนไทยใช้บี10, บี20 ช่วยลดฝุ่น PM 2.5

กรุงเทพฯ 20 ม.ค. – กรมธุรกิจพลังงาน วอนคนไทยเพิ่มยอดใช้ บี 10 – บี20 ลดฝุ่น PM2.5 ได้ร้อยละ 3.5-25 ด้าน โรงกลั่นฯเตรียมลงทุน 5 หมื่นล้านบาท ปรับมาตรฐานเป็นยูโร 5  คาดการใช้น้ำมันปีนี้ยังพุ่งต่อเนื่อง ภาพรวมร้อยละ 2 ตามจีดีพี ขยายตัวร้อยละ 2.8 – 3  


จากตัวเลขกรมควบคุมมลพิษที่รายงานว่า ฝุ่น PM 2.5 ในไทย ปัญหาหลัก หรือกว่าร้อยละ 70 มาจากการจราจรบนท้องถนนนั้น น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ในส่วนของคุณภาพน้ำมัน การใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 และ บี 20 จะมีส่วนช่วยในการลดฝุ่น PM2.5  โดยบี 10 จะช่วยลดฝุ่นได้ร้อยละ 3.5-13.5 และ บี 20 จะลดฝุ่นได้ ร้อยละ 20-25 ซึ่งตามนโยบายส่งเสริมบี 7 เป็นน้ำมันพื้นฐานของกลุ่มดีเซลตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไปนั้น ก็จะทำให้ปั๊มขาย บี 10 เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มี 800 แห่งและจะเพิ่มเป็น 3,000 แห่งในสิ้นเดือน มกราคมนี้ และยอดใช้จะเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านลิตร/วัน ในสิ้นปี 2562 เป็น 22.5 ล้านลิตร/วันในไตรมาส 1/63 และจะเพิ่มเป็น 57 ล้านลิตร/วัน ในปลายปีนี้ ในขณะที่ กลุ่มดีเซลทั้งหมดยอดใช้สิ้นปี 63 จะเพิ่มเป็น 71.6 ล้านลิตร/วัน จากปี 62ที่ 67.3 ล้านลิตร่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ซึ่งนับเป็นยอดใช้สูงสุดเป็นประวัติการณ์  ซึ่งคาดว่ายอดใช้บี 7 และ บี 20 จะมียอดใกล้เคียงกันที่ 7.3 ล้านลิตร/วัน และในส่วนของมูลค่าส่งเสริมบี 20 ในปี 2562 ที่มีการอุดหนุนราคาให้ต่ำกว่า บี 7 ในอัตรา 3 – 5 บาทต่อลิตรนั้น ก็พบว่ามียอดวงเงินอุดหนุนรวม 6,200 ล้านบาท


“การใช้บี10 บี 20 ช่วยลด PM 2.5 และ ช่วยส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม โดยในปี 2563 คาดว่าจะดูดซับซีพีโอของประเทศ ได้ 2 ใน 3 ส่วน หรือราวปีละ 2-2.2 ล้านตัน ดูแลราคาผลปาล์มดิบไม่ต่ำกว่า 4 บาท/ กก. ซึ่งขณะนี้แม้ปาล์มจะมีราคาสูง แต่เดือน มี.ค.ยอดผลปาล์มดิบจะทยอยออกมา ก็คาดว่าจะราคาต่ำลง ในขณะที่สตอกซีพีโอสิ้นปี 62 อยู่ที่ 3.3 แสนตัน โดยในวันพุธนี้ ทาง นายวนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  รมว.พลังงานก็จะมีการแถลงมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้าซีพีโอมาใช้ผลิตบี 100  เพื่อให้ประโยชน์อยู่ที่เกษตรกรคนไทย”อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน  

ส่วนการปรับคุณภาพน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันที่จะช่วยลดฝุ่นนั้น ที่จะปรับจากมาตรฐานยุโรประดับที่ 4 (ยูโร4 ) เป็นยูโร 5 นั้น ทุกโรงกลั่นในขณะนี้ วางแผนปรับมาตรฐาน ตามข้อกำหนด คือ 1 ม.ค.2567 โดยจากการหารือกับ 6 โรงกลั่น ฯ ทั้งไทยออยล์ฯ,บางจากฯ, เอสพีอาร์ซี , จีซี,ไออาร์พีซี ,เอสโซ่ , จะมีการลงทุนรวม 5 หมื่นล้านบาท ส่วนจะมีผลต่อต้นทุนราคาน้ำมันขายปลีกมากน้อยเพียงใด นั้น ทางกระทรวงพลังงานกับ ผู้ประกอบการโรงกลั่นฯอยู่ระหว่างหารือร่วมกันรวมถึงการหารือเรื่องการลดชนิดน้ำมันหัวจ่ายจาก 10 ชนิดที่ไทยมีมากที่สุดในโลกจะลดประเภทใด ก็คงจะชัดเจนในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งคงจะต้องดูถึงชนิดรถยนต์ของประชาชน ควบคู่กันไปด้วย โดยยอมรับว่าไม่ว่าจะยกเลิกน้ำมันประเภทใดก็จะกระทบทั้งโรงกลั่นฯที่อาจจะต้องนำเข้า-ส่งออกน้ำมันพื้นฐานแต่ละประเภทเพิ่มขึ้น  โดยในปี 2562 นั้น พบว่า ไทยมีการนำจีเบส ทุกประเภทรวม 2,200 ล้านลิตร  เพิ่มขึ้น จากปี 2561 ที่นำเข้า 1,567 ล้านลิตร 

อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน คาดว่า ยอดใช้น้ำมันรวมปี 2563 คาดว่าจะโตกว่าปี 2562 ที่ร้อยละ 2 หรือมียอดใช้เฉลี่ย 132.ล้านลิตร/วัน  จากคาดการณ์ของหน่วยงานต่างๆที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 63 จะขยายตัวร้อยละ 2.8-3  และราคาน้ำมันทรงตัวที่ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บารเรล โดยในกลุ่มเบนซินจะขยายตัวร้อยละ 3.7 หรือมียอดใช้รวม 33.4 ล้านลิตร/วัน  จากปี 2562 ที่มียอดใช้ 32.2 ล้านลิตร/วัน  กลุ่มดีเซล ขยายตัวร้อยละ 6.3 หรือมียอดใช้ 71.6 ล้านลิตร/วัน เพิ่มจากปี 62 ที่มียอดใช้67.3 ล้านลิตร/วัน  น้ำมันอากาศยานจะขยายตัว ร้อยละ 7.4 มียอดใช้ 20.8 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่ปี 62 มียอดใช้ 19.3 ล้านลิตร/วัน  ยอดใช้ก๊าซหุงต้มปี 63 คาดลดลงร้อยละ 1.9 คาดยอดใช้ อยู่ที่17.5 ล้านกก./วันจากปี 62 ที่มียอดใช้ 17.8 ล้าน กก./วัน ส่วนยอดใช้เอ็นจีวีปี 63 คาดว่าจะอยู่ที่5 ล้าน กก./วัน จะลดลงร้อยละ 7.4 จากปี 62 ที่มียอดใช้ 5.4 ล้าน กก./วัน โดยปั๊มเอ็นจีวีสิ้นปี 62 อยู่ที่ 446 แห่ง จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 451 แห่ง    โดยปั๊มเอ็นจีวีไม่ได้ปิดตัวเพิ่มขึ้นนักเนื่องจาก มีการปรับเปลี่ยนหัวจ่ายบางส่วนไปขายน้ำมันบี 10 และบี 20 ส่วนปั๊มแอลพีจีสิ้นปี 62 มีจำนวน 1,899 แห่ง จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 2,019 แห่ง . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย