รามคำแหง 16 ม.ค.-สภาวิศวกรเรียกร้องรัฐบาลหน่วยที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 จริงจัง ทั้งการเพิ่มเครื่องตรวจวัดฝุ่น แจ้งเตือนประชาชนก่อนเข้าพื้นที่ เก็บภาษีฝุ่น ตรวจวัดควันดำรถเก่า และปรับค่าวัดปริมาณฝุ่นให้เท่ามาตรฐานสากล ไม่ใช่แค่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ย้ำฝุ่นอัตราเข้า ปอด สมอง ทำอายุขัยเฉลี่ยคนสั้นลง
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรและนายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร แถลงข่าวแนวทางการรับมือ PM2.5 มหันตภัยร้ายปกคลุมน่านฟ้า กทม.โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลมีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เพราะสถานการณ์ขณะนี้เริ่มวิกฤตและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเน้น
1.เพิ่มสถานีเครื่องตรวจวัด ปริมาณฝุ่นให้เพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ ให้เกิดการเตือนและตระหนัก พร้อมจัดทำแผนที่พยากรณ์ฝุ่น และแจ้งเตือนประชาชนให้รู้ตัวก่อนเข้าพื้นที่ เพื่อให้เกิดการป้องกัน
2.การเก็บภาษีฝุ่น ในการก่อสร้างอาคารสถานที่ แม้ว่าฝุ่นที่เกิดขึ้น จะเป็น PM 10 แต่ก็มีการเคลื่อนย้ายของอุปกรณ์ก่อการสร้าง นำ PM 2.5 เข้ามา ทั้งอิฐ หิน ทราย หากไม่มีการป้องกัน การก่อสร้างให้เกิดฝุ่นปริมาณมาก ก็ให้มีการเก็บภาษีเพิ่ม โดยเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ระดับท้องถิ่น สามารถเข้าไปแก้ไข ควบคุมได้
3.การเอาจริงกับมาตรฐานตรวจวัดระดับควันดำหากจำเป็นต้องใช้รถยนต์เก่า ดีเซล ก็ควรมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ และบังคับตรวจเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งาน 5-7 ปี โดยทั้งหมดนี้ใช้หลักกลไกทางวิศวกรรมเข้ามาแจ้งไข
4.เพิ่มป้ายรถเมล์อัจฉริยะ มีเครื่องตรวจวัดฝุ่น และหากพบฝุ่นมีความหนาแน่น ควรมีพัดลมอัตโนมัติเปิดทำการไล่ฝุ่น เพราะฝุ่นจะกระจายได้จากลม
อย่างไรก็ตามย้ำว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่น ด้วยการฉีดพ่นละอองน้ำไม่ได้ผล เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กและมาจากที่สูง ระดับน้ำในอาคารไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ อีกทั้งมาตรการบางอย่างสามารถทำได้ทันที ต้องแจ้งเตือนค่าฝุ่นก่อนเข้าพื้นที่ เนื่องจุดตรวจวัดฝุ่น มีมากขึ้น ขาดแค่การส่งต่อข้อมูลประชาชน
นายประเสริฐ กล่าวว่า เหลือเวลาในการแก้ไขปัญหาฝุ่นอีก 8 เดือน ก่อนที่ปลายปีจะกลับมาซ้ำอีก โดยเรียกร้องขอให้มีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 เท่ากับมาตรฐานสากล ไม่ใช่อยู่ที่ 50ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เหมือนที่ผ่านมา โดยควรเท่ามาตรฐานสากล ที่ ไม่เกิน 25 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เพราะเป็นการค่ามาตรฐานและทำให้คนไทยเกิดความตระหนัก เกิดความจริงจัง โดยฝุ่นมีขนาดเล็ก เข้าไปทำให้เกิดอันตรายถึงปอด และสมอง ส่งผลให้อัตราอายุขัยสั้นลง. .-สำนักข่าวไทย