กรุงเทพฯ 13 ม.ค. – ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าเดือน ธ.ค.ลดต่อเป็นเดือนที่ 10 แตะ 45.7 ต่ำสุดรอบ 2 ปี ห่วงเศรษฐกิจส่งออกทรุดจากบาทแข็ง สงครามการค้ายังไม่ชัด รวมถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศ
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำของสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นการค้าไทย เดือนธันวาคม 2562 พบว่า ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ต่ำสุดในรอบ 2 ปี เป็นผลมาจากผู้ประกอบการยังคงมีความกังวล หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 การส่งออกของไทยเดือนพฤศจิกายนยังติดลบถึงร้อยละ 7.39 ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลเกี่ยวกับสถานการณ์การบริโภคทำให้ชะลอตัวลง แม้ว่าสิ้นปีจะมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ หอการค้าไทยต้องการให้ภาครัฐสร้างความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจของประเทศและสถานการณ์การเมือง หรือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นการบริโภค ผลักดันการส่งออกให้มีการขยายตัวอย่างชัดเจน สร้างสมดุลของราคาพืชผลทางการเกษตร ให้ได้ประโยชน์ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการรวมถึงสนับสนุนให้มีโครงการในระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม มาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และสร้างความเจริญกระจายไปในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้มีการปรับประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2563 ลดลงเหลือร้อยละ 2.8 จากเดิมร้อยละ 3.1 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 0.8 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.8 โดยมีอัตราเงินเฟ้อขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 เนื่องจากมองว่าปี 2563 เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยง จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ความกังวลมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ เพราะหากเสถียรภาพลดลง จะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศและการลงทุน ซึ่งจะมีผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวลดลงอีก รวมถึงความไม่แน่นอนของค่าเงินบาทที่มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากหลุด 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะมีผลกับการส่งออกของประเทศ ทำให้การส่งออกขยายตัวติดลบร้อยละ 0.4 การอัดฉีดเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงถือว่ามีความจำเป็น เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2.6 และในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวร้อยละ 3 เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย