ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 หลังประชุมรวด 4 วัน

รัฐสภา 11 ม.ค. – สภาฯ มีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 หลังพิจารณามาราธอน 4 วัน 3 คืน ขณะที่นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสมาชิก ยืนยันจะใช้งบฯ อย่างโปร่งใส คุ้มค่า พร้อมนำข้อเสนอ ส.ส.ทุกคนไปปรับปรุงแก้ไข 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และ 3 ใช้เวลาการพิจารณาทั้งสิ้น 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-11 มกราคม 2563 ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีทั้งสิ้น 55 มาตรา ปรับลดทั้งสิ้น 16,231 ล้านบาท เพื่อนำไปจัดสรรให้กับส่วนราชการและองค์กรอิสระแทน และประเด็นที่มีการอภิปรายมากที่สุด คือ งบประมาณในสัดส่วนรายกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่กรรมาธิการปรับลดมากที่สุดกว่า 1,518 ล้านบาท 


ในที่สุดวันนี้ (11 ม.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท วาระ 3 ด้วยคะแนน 253 เสียง งดออกเสียง 196 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง


จากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วมรับฟังการประชุมสภาฯ พร้อมกล่าวขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรที่ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 และระบุว่า ร่างงบประมาณเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน การใช้จ่ายงบประมาณบรรลุตามเป้าหมาย ลดความเหลื่อมล้ำ ทั่วถึงประชาชน พร้อมน้อมรับข้อเสนอแนะของสมาชิก เพื่อส่งให้หน่วยงานต่างๆ ประกอบการพิจารณา ขอให้มั่นใจว่า งบประมาณจะใช้ตามวัตถุประสงค์ โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ 

ต่อมา นายชวน กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่รับผิดชอบหน้าที่ต่อบ้านเมือง และขอให้สมาชิกทุกคนได้ใช้วันหยุดชดเชยที่อดหลับอดนอน ก่อนจะสั่งปิดการประชุมในเวลา 17.41 น.

โดยนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเสร็จสิ้นว่า ขอบคุณทุกคน เมื่อถามว่า โล่งใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็สบายใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว นี่ก็คือปัญหา ถ้างบประมาณออกไม่ได้ ก็ทำงานลำบาก จะได้ดูแลประชาชนได้เต็มที่ ต่อไปนี้รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ ทุกคนก็ร่วมมือกันทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในจันทร์ที่ 13 มกราคมนี้ โดยวุฒิสภามีกรอบเวลาการพิจารณา 20 วัน แต่ไม่สามารถแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ จากนั้นส่งไปยังคณะรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ