กทม.9 ม.ค.-ภาคีเด็กและเยาวชน หนุนรัฐบาลเร่งสร้างความปลอดภัยทางถนน เผยเด็กไทยเสียชีวิตวันละ 9 ศพ ขณะที่ของขวัญวันเด็กแห่งชาติ “ต้องการรถสาธารณะปลอดภัยและประหยัด”
วันนี้(9ม.ค.) ที่ศูนย์จัดประชุม The Halls Bangkok สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.)ร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ)ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)แถลงข่าวเปิดผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชน หัวข้อ “วันเด็กปีนี้ขอของขวัญจากรัฐบาลลดการเจ็บตายบนท้องถนน”เผยตัวเลขเด็กและเยาวชนเสียชีวิตกว่าวันละ 9 ศพ และอาจมีเด็กและเยาวชนเข้าสู่ความพิการเฉลี่ยปีละกว่า 2,000 คน จากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมีนายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับข้อเสนอจากตัวแทนเด็กและเยาวชน
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)กล่าวว่า สถานการณ์อุบัติเหตุในประเทศไทย เฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยปัญหาต่างๆโดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อความจำเป็นในการเดินทางของเด็ก เยาวชน และประชาชน ในชีวิตประจำวัน เช่น การไปศึกษาเล่าเรียน หรือการไปทำงาน ส่งผลให้ต้องมีการใช้รถจักรยานยนต์ เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนน ปี 2562 ระบุว่า “ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ สูงเป็นอันดับ1ของโลก” และยังสอดคล้องกับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กและเยาวชนกลุ่มอายุ15-19 ปี บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์มากที่สุด และส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย โดยข้อมูลยังพบอีกด้วยว่าเด็กไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 3,300 คนต่อปี หรือเฉลี่ย 9 คนต่อวัน
“เด็กและเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่า100คนจากอุบัติเหตุจะกลาย เป็นผู้พิการ 5 คน และทั้งปีจะมีเด็กและเยาวชนกว่า2,000 คน เป็นผู้พิการ ขณะที่จำนวนเด็กและเยาวชนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุก 100 ศพ กว่า 91 ศพ เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ จึงอยากร่วมขอของขวัญจากรัฐบาลในการเร่งรัดพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ราคาประหยัด เพื่อลดการเข้าถึงหรือใช้งานรถ จักรยานยนต์ และยังจำเป็นต้องสร้างความรู้และทักษะการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยในสถานศึกษา ตลอดจนภาคเอกชนและผู้ประกอบการที่ผลิตรถจักรยานยนต์ต้องเร่งรัดทำให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยอย่างสูงสุดกับผู้ใช้งาน เช่นการติดตั้งระบบป้องกันการเบรกจนล้อล็อคตาย (ABS) เป็นอุปกรณ์พื้นฐานทุกคัน” นพ.ธนะพงศ์ กล่าว
ขณะที่นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย(ยท.)กล่าวถึงข้อมูลจากศูนย์สำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนแห่งสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ Youth Poll โดยการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคม 2562 จากกลุ่มตัวอย่างเด็กและเยาวชนกว่า 420 คน ทั่วกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ “วันเด็กปีนี้ขอของขวัญจากรัฐบาลลดการเจ็บตายบนท้องถนน” ระบุว่าใน1ปีที่ผ่านมามีเด็กและเยาวชนกว่า ร้อยละ 33 เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ในจำนวนนี้มีถึงร้อยละ5 เคยเกิดอุบัติเหตุมากกว่า 3 ครั้งใน 1 ปี
ส่วนสาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงของเด็กและเยาวชน คือร้อยละ 59 ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่หรือซ้อนท้าย ร้อยละ 37 ไม่ใช้เข็มขัดนิรภัย และร้อยละ 33 มีพฤติกรรมใช้ความเร็วเป็นประจำเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเขตชุมชน ขณะที่ร้อยละ 49 บอกว่าความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทยน้อยมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และกว่าร้อยละ 16 บอกว่าไม่มีความปลอดภัยบนท้องถนนเลย
“เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี2563 นี้หากเด็กและเยาวชนขอของขวัญจากรัฐบาลเรื่องความปลอดภัยทางถนนได้ ร้อยละ47 ขอรถโดยสารสาธารณะที่ปลอดภัยและมีราคาประหยัดและร้อยละ 26 ขอมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวด และมาตรฐานของรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยเฉพาะระบบป้องกันการเบรกจนล้อล็อคตาย(ABS)กว่าร้อยละ 90
ขอให้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในรถจักรยานยนต์ทุกคันโดยไม่มีการเพิ่มค่าใช้จ่าย” นายพชรพรรษ์ กล่าว
นายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หากทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บในสถานพยาบาล ซึ่งจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ เพียงพอต่อความต้องการในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และยังจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลได้เป็นจำนวนมาก อยากฝากถึงเด็ก เยาวชน และประชาชน ต้องร่วมมือกันสร้างวัฒนธรรมแห่งความปลอดภัย เริ่มต้นจากตัวเองคือ ลดความเร็ว คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกนิรภัย และปฏิบัติตามกฎจราจร หากสามารถทำได้ เชื่อว่าจะสามารถลดอุบัติเหตุได้อย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลยินดีและรับปากที่จะนำข้อเสนอในวันนี้ไปขับเคลื่อนเชิงนโยบายต่อไป .-สำนักข่าวไทย