ทำเนียบฯ 6 ม.ค.- นายกฯ ระบุ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจมีกลไกติดตาม ค่าเงินบาทแข็งค่า สั่งพาณิชย์ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้กระทบประชาชน เตือน โรงสีอย่าฉวยโอกาสกดราคาข้าวผลักภาระให้รัฐบาลใช้งบฯชดเชย ยืนยัน รัฐบาลไม่รีดภาษีแต่ต้องการให้ทุกคนเข้าสู่ระบบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจมีกลไกต่าง ๆติดตามอยู่ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักการและกฎหมายที่มีทั้งหมดต้องมองเรื่องเศรษฐศาสตร์ ข้อเท็จจริง ปัญหาเฉพาะของแต่ละประเทศ และรัฐบาลพยายามดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นกับประชาชนที่มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ไปพร้อมกับการสร้างความเข้มแข็งให้ยกระดับรายได้ของตัวเอง และสั่งกระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาสินค้าบางประเภทที่ปรับขึ้นราคาไม่เหมาะสม เพราะบางอย่างต้นทุนถูกลง นอกจากนี้ การที่ค่าเงินบาทแข็ง เป็นโอกาสของการนำเข้าสินค้าตั้งต้นการผลิต หรือเครื่องจักรในราคาถูกลง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการด้านการประกันราคาภาคการเกษตร รัฐบาลมองถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้รับประโยชน์ และกำลังศึกษาการจำนำข้าวในยุ้งฉางที่ประชาชนในภาคอีสานมีความต้องการ เนื่องจากไม่สามารถใช้มาตรการเดียวดูแลประชาชนทุกกลุ่มได้ และโรงสีต้องไม่ฉวยโอกาสที่รัฐบาลมีโครงการประกันราคาข้าว ในการกดราคาข้าวต่ำกว่าราคาตลาด และให้รัฐบาลต้องชดเชยส่วนต่าง เพราะทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ต้องช่วยชาติ แม้จะมีกำไรน้อยลงบ้าง หากฉวยโอกาสถือว่าไม่ช่วยประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือ SME เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (7ม.ค.) เนื่องจากยังมีหลายหลักเกณฑ์ที่ SME ไม่สามารถเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐได้ ส่งผลให้ขาดความเข้มแข็ง อาจทำให้กระทบกับขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่ปัญหาการเลือกจ้างงาน และที่ผ่านมา SME มีการพัฒนาที่ช้า จึงต้องพัฒนาตั้งแต่ผู้ประกอบการไปถึงลูกจ้าง ต้องดูแล SME ที่มีความเสี่ยงจะเลิกกิจการ ควบคู่กับการยกระดับให้กลุ่ม SME สามารถผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของตลาดได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องไม่ใช่การติติงเพียงอย่างเดียว เพราะรัฐบาลต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด และขอให้ทุกคนมองที่ความสำเร็จของ 5 ปีที่ผ่านมาและของสิ่งที่รัฐบาลนี้ได้เริ่มทำด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลยึดระเบียบ หลักเกณฑ์ ดูความเดือดร้อนของประชาชน และไม่มีเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะเร่งรัดทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนทุกจังหวัดเหมือนกับที่ทำมาแล้วกว่าหลายแสนไร่ จะเป็นการให้ใช้ประโยชน์แต่ไม่ใช่การออกโฉนด เพราะจะขัดกับกฎหมายและไม่มีที่ดินมากพอที่จะทำได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจหลักการ ข้อกฎหมาย ที่ผ่านมาปัญหาที่พบคือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ต่างจากหลายประเทศ ที่ทุกคนให้ความร่วมมือ และใช้กฎหมายทำให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประชาชนอย่าเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน โดยเฉพาะการกล่าวหาว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง ขอให้ทุกคนย้อนมองว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเสียภาษี จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับกฎหมายกำหนด ยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่ปรับขึ้นภาษี เพียงแต่ศึกษาปรับขึ้นภาษีสินค้าบางประเภท เช่น สินค้าที่มีค่าความหวานเพราะรัฐบาลมองเรื่องสุขภาพ รวมถึงภาษีท้องถิ่นที่ต้องจัดเก็บเพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่น แต่ไม่ใช่ระดับที่สูงมากนัก เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่ได้มองหรือมุ่งหวังว่าจะเป็นรายได้หลัก เช่นเดียวกับโครงการ ชิม ชอป ใช้ ที่ต้องการให้ร้านค้าต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนตั้งใจมั่นในการทำงานมาตลอด 5 ปีจนถึงปัจจุบัน ยังยืนยันว่าตนมีแรงศรัทธา ไม่ต้องการอำนาจ และผลประโยชน์ แล้วทำไมจะต้องไม่ไว้ใจตน หากใครมั่นใจตนก็ต้องเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินไม่ให้ทุกอย่างกลับไปเป็นปัญหาเหมือนในอดีต .-สำนักข่าวไทย