ศปถ.สรุป 7 วันอุบัติเหตุปีใหม่ ตาย 373 บาดเจ็บ 3,499

ปภ. 3 ม.ค.- ศปถ. สรุปผล 7 วันการลดอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 2563 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,421 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 373 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 3,499 คน กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 15 คน  “เมาแล้วขับ”  ยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ เตรียมสรุปความเห็นเปลี่ยนชื่อ 7 วันแห่งความสุขเหมาะสมหรือไม่


นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 แถลงสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์  ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.62 –  2 ม.ค.63 ว่า เกิดอุบัติเหตุรวม 3,421 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม  373 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 3,499 คน 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือ ตายเป็นศูนย์ มี 6 จังหวัด ได้แก่ ตราด พะเยา แม่ฮ่องสอน ยะลา ลำพูน และสตูล จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา 116 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 15 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา 121 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.68 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.00 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 56.12 , ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 22.49 ,ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.97 รถปิคอัพ ร้อยละ 6.81


นายนิพนธ์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุลดลงในครั้งนี้ เกิดจากการทำงานของทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ตลอดจนจิตอาสาที่บูรณาการร่วมกัน  ดูแล ทำความเข้าใจกับประชาชน และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ  มีการเพิ่มด่านชุมนุมในถนนสายรองมากขึ้น ซึ่ง ศปถ. กำชับจังหวัดถอดบทเรียน และวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน และหาสาเหตุ รวมถึง ความเสี่ยงที่เป็นสาเหตุ มาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการและแนวทางที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ต่อไป  

ส่วนความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เปลี่ยนชื่อจาก 7 วันอันตรายเป็น 7 วันแห่งความสุข นั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการจะมีการสรุปความเห็น เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไปว่าเหมาะสมหรือไม่  .- สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี