ปตท.ชี้ 4 ความท้าทายธูรกิจพลังงานในปี 2560

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – ผู้บริหารปตท.ชี้ ยังมี 4 ปัจจัยที่ธุรกิจพลังงานจะต้องรับมือในปี 2560 ทำให้ต้องปรับแผนงานเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา “เจาะลึกเศรษฐกิจและการเงินไทยในปี2017″ ว่า ในปี 2560 ธุรกิจพลังงาน จะเผชิญกับความท้าทายใน 4 เรื่อง คือ 1.ความผันผวน ที่จะเกิดขึ้นกับราคาน้ำมัน แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว  จากความร่วมมือของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) และกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกโอเปก(นอนโอเปก) ที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ รวมประมาณ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่นอนโอเปก ตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น

นายเทวินทร์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยปตท.ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในปี 2560 จะอยู่ในกรอบ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยปีนี้ กว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมองว่า ราคาน้ำมันดิบที่ระดับกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น่าจะเป็นระดับที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยหากรัฐบาลไม่มีนโยบายปรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ น่าจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในปีหน้าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันได้


ส่วนความท้าทายที่ 2 คือ เรื่องเทคโนโลยี ที่จะเข้ามากระทบต่อโมเดลของธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงานในปี 2560 ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และคำนึงถึงผลกระทบจากเทคโนโยลีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งการวางแผนการลงทุนในระยะยาว อาจกลายเป็นความเสี่ยงที่สูงขึ้น

ขณะที่ความท้ายที่สาม คือ ความซับซ้อน ที่เกี่ยวข้องระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ ทำให้กระทบต่อแผนการพัฒนาพลังงานในอนาคต เพราะต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงานกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่ความขัดแย้งของภาคสังคมที่ยังไม่มีข้อยุติ เช่น กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน

และความท้าทายสุดท้าย คือ ความไม่ชัดเจน เรื่องของทรัพยากรปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดลงจากการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย 2 แหล่ง คือแหล่งบงกชและเอราวัณ ใน 6 ปีข้างหน้า ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะต่ออายุสัมปทานหรือไม่ ทำให้การพัฒนาปิโตรเลียมเดินหน้าต่อไม่ได้ ซึ่งจะกระทบต่อกำลังการผลิตก๊าซฯในประเทศ ที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น


นายเทวินทร์ กล่าวว่า จากผลกระทบทั้ง 4 เรื่อง ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทสไทย(กฟผ.) และหน่วยงานภาครัฐ ต้องปรับแผนการดำเนินงานเพื่อรับมือ โดยในส่วนของ ปตท. ได้เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่อส่งน้ำมันและก๊าซฯ คลังรับแอลเอ็นจีบนบก และคลังรับแอลเอ็นจีลอยน้ำ (FSRU) ซึ่งจะเป็นการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล และขณะเดียวกันก็เป็นการซื้อเชื้อเพลิงจากต่างประเทศทำให้ประเทศสูญเสียเงินตราออกนอกต่างประเทศมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ ปตท.จะต้องปรับโมเดลทางธุรกิจ เน้นการเพิ่มผลิตภาพ(โปรดักทิวิตี้)เสริมความแข็งแกร่งในกับธุรกิจเพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันกับต่างประเทศ ควบคู่กับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

นายกฯ มาเลเซีย ต่อสายคุย “แพทองธาร” ติดตามสถานการณ์ใต้

นายกฯ มาเลเซีย ต่อสายคุย “แพทองธาร” ติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ แสดงความพร้อมร่วมมือกับไทยเพื่อยุติความรุนแรง พร้อมใช้เวทีอาเซียนสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกมากขึ้น