วสท.แนะลดเสี่ยงอัคคีภัยบ้าน-อาคาร ก่อนหยุดยาวปีใหม่

กทม.24 ธ.ค.-วสท.แนะ13 ข้อดูแลป้องกันอัคคีภัยบ้านและอาคาร ก่อนออกเดินทางวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ “ถอดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้งาน ปิดเตา วาล์วก๊าซหุงต้มให้สนิท-เลี่ยงจุดพลุดอกไม้ไฟในอาคารบ้านเรือนสถานที่ปิด-ตรวจสอบปลั๊กไฟพ่วงต่างๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์”


นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่า 2562 ต้อนรับปีใหม่ 2563 กิจการร้านค้าและประชาชนส่วนใหญ่พากันเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนท่องเที่ยว อัคคีภัยเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยมีองค์ประกอบหลักได้แก่ อากาศ ความร้อน เชื้อเพลิง อุปกรณ์ไฟฟ้า และรวมไปถึงกิจกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวกับไฟ เช่น การจุดพลุ ดอกไม้ไฟ หรือการก่อไฟให้ความอบอุ่น


สำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร และแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจประเภทเครื่องเล่น ซุ้มประดับไฟ ศูนย์การค้าต่างๆ ควรใส่ใจในการใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ติดตั้งและตรวจสอบ ตลอดจนมีการบำรุงรักษาด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญ และมีวิศวกรควบคุมดูแล ตลอดจนเตรียมแผนบริหารจัดการพร้อมบุคลากรกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะสวนสนุกในกรุงเทพ ซึ่งมีอยู่   48 แห่ง สวนสนุกแบบถาวรภายในอาคารต้องมีใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตประกอบกิจการ และสวนสนุกที่ติดตั้งชั่วคราวตามเทศกาล 

ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ด้านสุขลักษณะความปลอดภัยและชีวอนามัยสำหรับกิจการสวนสนุกตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ.2558 ใน 5 ด้าน คือ 1.ต้องมีคู่มือการติดตั้ง และขออนุญาตถูกต้อง 2.ต้องมีคู่มือการใช้งานเครื่องเล่น พร้อมติดป้ายคำเตือน และกำหนดอายุผู้เล่นให้เห็นชัดเจน 3.ต้องมีคู่มือการดูแลบำรุงรักษา และตรวจสอบตามเวลาที่กำหนด คือ 3 – 6 เดือน และ 1-5 ปี 4.ต้องมีคนคุมเครื่องที่ต้องผ่านการฝึกอบรม และ 5.ต้องมีแผนการรับมือและแก้ไขปัญหาในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงต้องดูแลความสะอาดป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อ


สำหรับข้อแนะนำสำหรับประชาชน น.ส.บุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย และประธานสาขาวิศวกรรมความปลอดภัย วสท.แนะนำการป้องกันไฟไหม้ก่อนออกจากบ้านไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวอย่างสบายใจไร้กังวล 

1.     ก่อนออกจากบ้าน ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าและถอดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้งาน ปิดสวิตซ์ไฟ เตาประกอบอาหารและวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง

2.     ติดตั้งระบบป้องกันเพลิงไหม้ เช่น เครื่องตรวจจับควัน, สัญญาณแจ้งเตือนภัย, เครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ, อุปกรณ์ดับเพลิงชนิดมือถือ รวมถึงการวางแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า

3.     หลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองด้วยพลุ ดอกไม้ไฟ ภายในอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่ปิดต่าง ๆ

4.     ไฟประดับต้นคริสต์มาส หรืออุปกรณ์ตกแต่งปีใหม่ เป็นไฟต่อพ่วงที่ใช้งานแบบชั่วคราว โดยเฉพาะการต่อพ่วงบริเวณนอกบ้าน เมื่อถูกแสงแดด ฝนสาด ลมพัด หรืออยู่ใกล้กับแหล่งความร้อน อาจทำสายไฟฟ้าชำรุด/ขาดอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือกรณีปลั๊กเกิดการหลวมเกิดความร้อนสะสมและเป็นสาเหตุให้เกิดไฟลุกไหม้

5.     ตรวจสอบปลั๊กไฟพ่วงต่างๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากพบสายไฟชำรุดฉีกขาด บุบ บวม เปลี่ยนสี มีกลิ่นไหม้ ให้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที ควรเลือกใช้ปลั๊กไฟพ่วงที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ทั้งสายไฟและรางปลั๊กไฟ ซึ่งจะใช้วัสดุคุณภาพดีและพลาสติกที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ มีฟิวส์หรือวงจรตัดไฟช่วยป้องกันการใช้ไฟเกินได้ และติดตั้งอย่างถูกวิธีโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

6.     เพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานอิเลคทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น กล่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ธูปเทียนไฟฟ้า กริ่งไร้สาย ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยงตลอดเวลา มีกำหนดอายุการใช้งานและการเสื่อมสภาพ หากไม่มีการตรวจสอบอาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน จึงควรถอดปลั๊กหลังใช้งานและเก็บให้เรียบร้อย          

7.     จัดอาคารบ้านเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยวัสดุในบ้านที่สามารถติดไฟได้ง่ายและมักถูกมองข้าม อาทิ กระดาษ เสื้อผ้า น้ำมัน ทินเนอร์ สีทาบ้าน เป็นต้น เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ควรแยกเก็บสารเคมีที่ติดไฟง่ายในบริเวณที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจากแหล่งความร้อนที่เป็นตัวเร่งให้เกิดเพลิงไหม้  

8.     หากใช้ฟืนไม่ควรปล่อยให้มอดดับเองเป็นอันขาด ต้องดับให้สนิททุกครั้งเมื่อมีการก่อฟืนไฟ

9.     งดเว้นการเผาขยะ หญ้าแห้ง และเศษวัสดุ ในช่วงอากาศแห้งหรือช่วงที่ลมพัดแรง

10.  กรณีมีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ควรมีผู้ดูแลและจัดให้อยู่ชั้นล่างของอาคารหรือใกล้กับประตูทางออก และซักซ้อมแผนเคลื่อนย้ายกรณีฉุกเฉิน มีเบอร์ติดต่อประสานงานในการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

11.  สำหรับสถานประกอบกิจการ ให้เพิ่มความเข้มงวดและความถี่ในการตรวจตราระบบดับเพลิงให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และสำรวจจุดเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย การใช้และจัดเก็บวัตถุไวไฟ เชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย และแหล่งความร้อนต่าง ๆ รวมทั้งให้มีการตรวจสอบระบบแจ้งเตือนภัย แผนฉุกเฉินมาตรการป้องกัน 

12.  โรงงาน อาคารโรงพยาบาล อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารที่มีความเสี่ยงอัคคีภัย อาคารที่ผู้ใช้อาคารหนาแน่น ในช่วงเทศกาล จะต้องวางแผนรองรับเหตุฉุกเฉิน จัดเตรียมบุคลากรให้อยู่ประจำอาคารในช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาล เพื่อทำหน้าที่ดูแลอาคาร ป้องกันการเกิดอัคคีภัยและสามารถระงับเหตุได้ทันที

13.  อบรมให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านความปลอดภัยในการป้องกันอัคคีภัยและเส้นทางอพยพแก่ทุกคนในครอบครัว และพนักงานหรือผู้ใช้อาคาร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง