วสท.แนะลดเสี่ยงอัคคีภัยบ้าน-อาคาร ก่อนหยุดยาวปีใหม่

กทม.24 ธ.ค.-วสท.แนะ13 ข้อดูแลป้องกันอัคคีภัยบ้านและอาคาร ก่อนออกเดินทางวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ “ถอดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้งาน ปิดเตา วาล์วก๊าซหุงต้มให้สนิท-เลี่ยงจุดพลุดอกไม้ไฟในอาคารบ้านเรือนสถานที่ปิด-ตรวจสอบปลั๊กไฟพ่วงต่างๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์”


นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่า 2562 ต้อนรับปีใหม่ 2563 กิจการร้านค้าและประชาชนส่วนใหญ่พากันเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนท่องเที่ยว อัคคีภัยเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยมีองค์ประกอบหลักได้แก่ อากาศ ความร้อน เชื้อเพลิง อุปกรณ์ไฟฟ้า และรวมไปถึงกิจกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวกับไฟ เช่น การจุดพลุ ดอกไม้ไฟ หรือการก่อไฟให้ความอบอุ่น


สำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของอาคาร และแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจประเภทเครื่องเล่น ซุ้มประดับไฟ ศูนย์การค้าต่างๆ ควรใส่ใจในการใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ติดตั้งและตรวจสอบ ตลอดจนมีการบำรุงรักษาด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญ และมีวิศวกรควบคุมดูแล ตลอดจนเตรียมแผนบริหารจัดการพร้อมบุคลากรกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะสวนสนุกในกรุงเทพ ซึ่งมีอยู่   48 แห่ง สวนสนุกแบบถาวรภายในอาคารต้องมีใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตประกอบกิจการ และสวนสนุกที่ติดตั้งชั่วคราวตามเทศกาล 

ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ด้านสุขลักษณะความปลอดภัยและชีวอนามัยสำหรับกิจการสวนสนุกตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ.2558 ใน 5 ด้าน คือ 1.ต้องมีคู่มือการติดตั้ง และขออนุญาตถูกต้อง 2.ต้องมีคู่มือการใช้งานเครื่องเล่น พร้อมติดป้ายคำเตือน และกำหนดอายุผู้เล่นให้เห็นชัดเจน 3.ต้องมีคู่มือการดูแลบำรุงรักษา และตรวจสอบตามเวลาที่กำหนด คือ 3 – 6 เดือน และ 1-5 ปี 4.ต้องมีคนคุมเครื่องที่ต้องผ่านการฝึกอบรม และ 5.ต้องมีแผนการรับมือและแก้ไขปัญหาในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงต้องดูแลความสะอาดป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อ


สำหรับข้อแนะนำสำหรับประชาชน น.ส.บุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย และประธานสาขาวิศวกรรมความปลอดภัย วสท.แนะนำการป้องกันไฟไหม้ก่อนออกจากบ้านไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวอย่างสบายใจไร้กังวล 

1.     ก่อนออกจากบ้าน ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าและถอดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้งาน ปิดสวิตซ์ไฟ เตาประกอบอาหารและวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง

2.     ติดตั้งระบบป้องกันเพลิงไหม้ เช่น เครื่องตรวจจับควัน, สัญญาณแจ้งเตือนภัย, เครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ, อุปกรณ์ดับเพลิงชนิดมือถือ รวมถึงการวางแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า

3.     หลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองด้วยพลุ ดอกไม้ไฟ ภายในอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่ปิดต่าง ๆ

4.     ไฟประดับต้นคริสต์มาส หรืออุปกรณ์ตกแต่งปีใหม่ เป็นไฟต่อพ่วงที่ใช้งานแบบชั่วคราว โดยเฉพาะการต่อพ่วงบริเวณนอกบ้าน เมื่อถูกแสงแดด ฝนสาด ลมพัด หรืออยู่ใกล้กับแหล่งความร้อน อาจทำสายไฟฟ้าชำรุด/ขาดอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือกรณีปลั๊กเกิดการหลวมเกิดความร้อนสะสมและเป็นสาเหตุให้เกิดไฟลุกไหม้

5.     ตรวจสอบปลั๊กไฟพ่วงต่างๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากพบสายไฟชำรุดฉีกขาด บุบ บวม เปลี่ยนสี มีกลิ่นไหม้ ให้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที ควรเลือกใช้ปลั๊กไฟพ่วงที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ทั้งสายไฟและรางปลั๊กไฟ ซึ่งจะใช้วัสดุคุณภาพดีและพลาสติกที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ มีฟิวส์หรือวงจรตัดไฟช่วยป้องกันการใช้ไฟเกินได้ และติดตั้งอย่างถูกวิธีโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

6.     เพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานอิเลคทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น กล่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ธูปเทียนไฟฟ้า กริ่งไร้สาย ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยงตลอดเวลา มีกำหนดอายุการใช้งานและการเสื่อมสภาพ หากไม่มีการตรวจสอบอาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน จึงควรถอดปลั๊กหลังใช้งานและเก็บให้เรียบร้อย          

7.     จัดอาคารบ้านเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยวัสดุในบ้านที่สามารถติดไฟได้ง่ายและมักถูกมองข้าม อาทิ กระดาษ เสื้อผ้า น้ำมัน ทินเนอร์ สีทาบ้าน เป็นต้น เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ควรแยกเก็บสารเคมีที่ติดไฟง่ายในบริเวณที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจากแหล่งความร้อนที่เป็นตัวเร่งให้เกิดเพลิงไหม้  

8.     หากใช้ฟืนไม่ควรปล่อยให้มอดดับเองเป็นอันขาด ต้องดับให้สนิททุกครั้งเมื่อมีการก่อฟืนไฟ

9.     งดเว้นการเผาขยะ หญ้าแห้ง และเศษวัสดุ ในช่วงอากาศแห้งหรือช่วงที่ลมพัดแรง

10.  กรณีมีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ควรมีผู้ดูแลและจัดให้อยู่ชั้นล่างของอาคารหรือใกล้กับประตูทางออก และซักซ้อมแผนเคลื่อนย้ายกรณีฉุกเฉิน มีเบอร์ติดต่อประสานงานในการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

11.  สำหรับสถานประกอบกิจการ ให้เพิ่มความเข้มงวดและความถี่ในการตรวจตราระบบดับเพลิงให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และสำรวจจุดเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย การใช้และจัดเก็บวัตถุไวไฟ เชื้อเพลิงที่ติดไฟง่าย และแหล่งความร้อนต่าง ๆ รวมทั้งให้มีการตรวจสอบระบบแจ้งเตือนภัย แผนฉุกเฉินมาตรการป้องกัน 

12.  โรงงาน อาคารโรงพยาบาล อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารที่มีความเสี่ยงอัคคีภัย อาคารที่ผู้ใช้อาคารหนาแน่น ในช่วงเทศกาล จะต้องวางแผนรองรับเหตุฉุกเฉิน จัดเตรียมบุคลากรให้อยู่ประจำอาคารในช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาล เพื่อทำหน้าที่ดูแลอาคาร ป้องกันการเกิดอัคคีภัยและสามารถระงับเหตุได้ทันที

13.  อบรมให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านความปลอดภัยในการป้องกันอัคคีภัยและเส้นทางอพยพแก่ทุกคนในครอบครัว และพนักงานหรือผู้ใช้อาคาร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]