ผู้ว่าฯ กทม. กำชับทุกเขตตรวจความเสี่ยงอัคคีภัยทุกสถานบริการ

กทม. 5 ส.ค. – ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ชี้ระบบสาธารณสุขดีถ้าเส้นเลือดฝอยและปฐมภูมิเข้มแข็ง กำชับเฝ้าระวังฝีดาษลิง สังเกตอาการ 21 วัน กำชับให้ทุกเขตลงไปตรวจเรื่องทางหนีไฟ เรื่องความเสี่ยงอัคคีภัยของทุกสถานบริการ


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับคณะศึกษาดูงานผู้เข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ (ปทพ.) รุ่นที่ 9 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร ซึ่งแพทยสภาร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า จัดการศึกษาอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 9 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้การแพทย์ไทยทั้งจากสังกัดต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ กรุงเทพมหานคร การแพทย์ทหารและตำรวจ และการแพทย์เอกชน เพื่อบูรณาการร่วมกันในการแก้ปัญหานำไปสู่การพัฒนาของวงการแพทย์และสาธารณสุขของไทย โดยในโอกาสนี้ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้บรรยายพิเศษ เรื่องนโยบายสาธารสุขของกรุงเทพมหานคร และนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร บรรยาย เรื่องระบบการแพทย์และสาธารณสุขภายใต้สังกัด กรุงเทพมหานคร ตลอดจนหน้าที่ความรับผิดชอบของสำนักการแพทย์และสำนักอนามัย รวมถึงปัญหาและระบบสุขภาพคนเมือง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในอนาคตนโยบายสาธารณสุขต้องละเอียดขึ้น ต้องตอบโจทย์ เพราะเรามีคนที่แตกต่าง เรามี Niche Market (ตลาดเฉพาะกลุ่ม) จะใช้นโยบายแบบ Universal policy (นโยบายสากล) ไม่กี่ข้อครอบคลุมคนทั้งประเทศไม่ได้ คนหมายเลขศูนย์ คนที่ไม่มีบัตรประชาชน คนไร้บ้าน ก็เป็นกลุ่มที่ต้อง Address ผมว่าในอนาคตนโยบายสาธารณสุขต้องละเอียดขึ้น ต้องตอบโจทย์ Niche Market มากขึ้น สมัยก่อนเป็นอนาล็อกพิมพ์นโยบายลงกระดาษ อาจมี 4-5 นโยบาย ตอบโจทย์คนกลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการของนโยบายเยอะ แต่พอมี Digital platform สามารถมีนโยบายได้เยอะ ไม่อั้น บางนโยบายอาจจะไม่มีคนต้องการเยอะ แต่ว่ามีความหลากหลาย เช่น นโยบายแจกผ้าอนามัย นโยบายกลุ่มหลากหลายทางเพศ ในอนาคตเราจะเห็นนโยบายที่ละเอียดขึ้น ที่ตอบโจทย์ของ Niche Market มากขึ้น เพราะ Digital platform ไม่มีปัญหาเรื่องความจุของนโยบาย แต่ก่อนนโยบายต้องพิมพ์ใส่หนังสือ ปัจจุบันเอาเป็นแสนนโยบายก็ได้ เพราะ Digital platform มันใหญ่


เชื่อว่ากรุงเทพฯ คล้ายกับหลอดเลือด ร่างกายคนมีทั้งหลอดเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย ที่ผ่านมาเรา Impress (ประทับใจ) กับโรงพพยาบาลขนาดใหญ่เยอะมาก พื้นที่กรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลระดับโลก เช่น รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ แต่เส้นเลือดฝอยเราบอบบางมาก และชีวิตคนอยู่ที่เส้นเลือดฝอยด้วย หัวใจคือการ Balance (สมดุล) กันระหว่างเส้นเลือดใหญ่กับเส้นเลือดฝอยในทุกระบบ ไม่ใช่เฉพาะสาธารณสุข ระบบในกรุงเทพฯ คล้ายกับโซ่ มันไม่ได้แข็งแรงเท่ากับข้อที่อ่อนที่สุด เรามีโรงพยาบาลขนาดใหญ่เยอะแยะ มีศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ถ้าเส้นเลือดฝอย หรือปฐมภูมิอ่อนแอ จะไม่มีทางที่จะอยู่รอดเลย เพราะทุกคนจะวิ่งมาที่ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ หมด เพราะฉะนั้นด่านแรกที่ปะทะต้องเข้มแข็ง หน้าที่หลักของ กทม. คือต้องดูปฐมภูมิ กทม. มีเตียงในระบบอื่นแค่ 10% กทม. อย่าไปคิดว่าจะสร้างเตียงอีกเพราะยังไงก็ไม่พอ ยังไงเตียงก็ไม่พอ ถ้าปฐมภูมิไม่เข้มแข็งประชาชนไม่ไว้ใจ สาธารณสุขต้องเน้นเรื่องปฐมภูมิ

“หน้าที่ กทม. มี 3 อย่าง คือ เพิ่ม Productivity (การเพิ่มประสิทธิภาพของเมือง) เพิ่มคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสให้คน กทม. มีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่ได้สร้างภาระ สร้างประสิทธิภาพของเมือง เมืองแข่งกันที่การดึงคนเก่ง เพราะเมืองคือเศรษฐกิจ เมืองอยู่ได้เพราะงาน คนที่จะสร้างงานคือคนเก่ง อนาคตเมืองต้องดึงดูดคนเก่ง เมืองต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะคนเก่งเลือกที่จะอยู่ในที่ต่าง ๆ ได้ และเมืองต้องสร้างโอกาส เมืองเป็นศูนย์รวมที่ปฏิเสธความเหลื่อมล้ำไม่ได้ เมืองมีหน้าที่เกลี่ยความมั่งคั่งอย่างเหมาะสม สาธารณสุขก็เป็นรูปแบบหนึ่ง คนมีเงินในกรุงเทพฯ ไม่ได้สนใจระบบสาธารณสุขใน กทม. เพราะไม่เคยมาใช้บริการศูนย์บริการสาธารณสุข ไม่ต้องการ อสม. ไม่ต้องการ อสส. เพราะมีโรงพยาบาลเอกชน แต่จะเกลี่ยความมั่งคั่งอย่างไรให้คนที่เป็นเครื่องจักร เป็นคนสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอยู่ได้ มีสวัสดิการให้คนมีรายได้น้อย เป็นหัวใจของระบบสาธารณสุขให้อยู่ได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

ภายหลังการต้อนรับคณะศึกษาดูงาน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีไฟไหม้ที่สัตหีบ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิด กังวลเรื่องนี้มาตั้งแต่ มิ.ย. ที่มีเหตุการณ์ไฟไหม้ที่สีลมซอย 2 ได้สั่งกำชับให้ทุกเขตลงไปตรวจเรื่องทางหนีไฟ เรื่องความเสี่ยงอัคคีภัยของทุกสถานบริการ จริง ๆ แล้วได้ไล่ตรวจมาเป็นเดือนแล้ว แต่คงต้องไปเร่งรัดกำชับให้มากขึ้น เมื่อเช้าได้แจ้ง พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ไปกำชับเรื่องนี้ให้เข้มข้นขึ้น ต้องลงตรวจให้มากขึ้น เป็นจังหวะที่เริ่มเปิดเมือง นักท่องเที่ยวกลับมา กิจกรรมพวกนี้จะมีคนเข้ามาเที่ยวมากขึ้น อย่างน้อยก็ได้สั่งการไปเดือนกว่าแล้ว ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้รับบาดเจ็บทุกคน ทางกรุงเทพมหานครเอากรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ต้องเร่งดำเนินการ วันนี้จะติดตามความคืบหน้าว่า ที่ลงไปตรวจแล้วมีปัญหาอะไร แล้วก็มีข้อขัดข้องอย่างไรหรือไม่ ส่วนกรณีฝีดาษลิงก็ขอบคุณโรงพยาบาลจุฬารัตน์ที่อยู่ในเขตสมุทรปราการ ที่สามารถระบุผู้ที่ป่วยได้ ต้องระวัง เป็นโรคที่แพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ต้องมีการป้องกัน ต้องใส่ถุงยางอนามัย แต่มันก็อาจจะแพร่เชื้อได้ ต้องระวัง เพราะเริ่มมีเคสเกิดขึ้น ต้องระมัดระวังตัว ทุกหน่วยก็คงต้องเดินหน้าเต็มที่


รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวเสริมกรณีพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรเพิ่มเติมว่า พบผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา แล้วก็พบข้อสงสัยในอาการ ทางโรงพยาบาลได้เก็บตัวแล้วคัดกรองเลย ผลเพิ่งออกมาสักครู่ใหญ่ ๆ ว่า เป็นผู้ป่วยรายที่ 2 ของกรุงเทพมหานคร แต่ก็อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ขอขอบคุณโรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม้ว่าจะอยู่ในสมุทรปราการ ก็ Detect ได้ รวมถึงส่งข่าว สื่อสารร่วมมือกับทางศูนย์บริการสาธารณสุข และทางกรุงเทพมหานครรวดเร็วมาก ก็เลยทำให้เรารอบคอบขึ้น สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใกล้ชิด ตอนนี้อยู่ในความดูแล มีการคัดกรอง แล้วก็ให้ดูแลตัวเองอยู่ในพื้นที่ เบื้องต้นทราบว่ามีผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย เป็นเพื่อนคนไทยที่อาศัยอยู่ด้วยกันในบ้าน ส่วนที่ไปสัมผัสสัมผัสใกล้ชิดกับชาวต่างชาติยังหาตัวไม่เจอ

นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวเสริมว่า การสัมผัสโรคมีโอกาสที่ติดเชื้อได้หลังจากสัมผัสโรคภายใน 21 วัน ต้องแจ้งเตือนประชาชนให้ลองย้อนเวลากลับไปว่า 21 วันที่ผ่านมาได้มีประวัติไปสัมผัสโรคนี้มาหรือไม่ หากมีการสัมผัสโรคมาหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อให้สังเกต เฝ้าระวัง และดูอาการตนเองให้ครบ 21 วัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]

EOD ทำลายวัตถุระเบิด ใกล้ปั๊มน้ำมันบ้านผือ จ.ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษ 4 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อีโอดีเก็บกู้จรวด BM 21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาตกและฝังอยู่ในพื้นถนนกันทรลักษ์อีกจุด ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่วันที่ 24 ก.ค. เช่นเดียวกัน บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดหรือ EOD จากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC เข้าเตรียมความพร้อมเพื่อเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดแรงสูง ประเภท BM21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่ แล้วตกลงไปฝังอยู่ในถนน กันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ เป็นจรวด BM 21 ที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ปตท. บ้านผือ ระเบิดจุดนี้ อยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ประเมาณ 500 เมตร และห่างจากจุดที่มีการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 บนถนนกันทรลักษ์ลูกแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม […]