กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – สศก.เผยจีดีพีเกษตรปี 62 ยังขยายตัวได้ร้อยละ 0.5% แม้เผชิญสภาพอากาศแปรปรวนและเศรษฐกิจโลกผันผวน คาดปี 63 ภาคเกษตรยังโตต่อเนื่องร้อยละ 2 – 3
นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2562 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ภาคเกษตรขยายตัว คือ สภาพอากาศเย็นในช่วงปลายปี 2561 เอื้ออำนวยให้ไม้ผลทั้งทุเรียน มังคุด และเงาะมีการออกดอกติดผลให้ผลผลิตจำนวนมาก ไม้ยืนต้นมีเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และในส่วนของการผลิตสินค้าปศุสัตว์ มีระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการวางแผนการผลิตและการเฝ้าระวังควบคุมโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ กระทรวงเกษตรฯ ได้มุ่งพัฒนาภาคเกษตร โดยเน้นเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยได้ดำเนินนโยบายที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer และพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นเกษตรกรมืออาชีพ โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิตควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้การผลิตสินค้าเกษตรสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและมีคุณภาพมาตรฐานมากขึ้น
ส่วนทิศทางภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2563 คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 – 3.0 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรที่ต่อเนื่อง ทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การส่งเสริมการรวมกลุ่ม การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร การบริหารการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งช่วยลดต้นทุน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยโดยรวม และเศรษฐกิจโลกปี 2563 ยังมีแนวโน้มขยายตัว รวมทั้งการส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าเกษตรในประเทศอย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ภาคเกษตรปี 2563 ขยายตัวได้ดี
ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการ สศก. กล่าวว่า หากพิจารณาแต่ละสาขา พบว่า สาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ ยังคงขยายตัว ขณะที่สาขาประมงหดตัว โดยสาขาพืช ขยายตัวร้อยละ 0.7 ผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ทุเรียน มังคุด และเงาะ ผลผลิตพืชที่ลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน สับปะรดโรงงาน สาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 0.8 ผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่เนื้อ โคเนื้อ ผลผลิตลดลง ได้แก่ สุกร และไข่ไก่ สาขาประมง หดตัวร้อยละ 1.3 ประมงน้ำจืด ได้แก่ ปลานิล และปลาดุก สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.7 สาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 2.0 .-สำนักข่าวไทย