กรุงเทพฯ 17 ธ.ค. – หอการค้าไทยเผย 10 ธุรกิจรุ่ง-ร่วง ปี 63 พร้อมคาดเศรษฐกิจปีหน้าโตร้อยละ 3.1
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจสรุป 10 อันดับธุรกิจรุ่งและร่วงปี 2563 จากปัจัยภาวะเศรษฐกิจปี 62 คาดว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.5 ส่งออกหดตัวร้อยละ 5.1 รวมถึงปัจจัยด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนการทำสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมปี 2562 ไม่ดีเท่าที่ควร แต่จากการประเมินปัจจัยสนับสนุนและบั่นทอนธุรกิจปี 2563 ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐและจีน Brexit มองว่าเศรษฐกิจจีนจะมีโอกาสเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 6 ขณะที่ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะแข็งค่าเฉลี่ย 29.75-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติ และปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินที่เพิ่มความเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ รวมถึงต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นที่มาจากค่าจ้างขั้นต่ำ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ทำให้คาดการณ์ว่า 10 อันดับธุรกิจร่วงปี 2563 ประกอบด้วย 1.ธุรกิจเช่าหนังสือ 2.ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร 3.ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต 4.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร 5.ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้ 6.ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม 7.ธุรกิจคนกลาง 8.ธุรกิจอินเทอร์เน็ตประเภทฮาร์ดดิสไดร์ 9.ธุรกิจดั้งเดิมไม่มีการดีไซน์และใช้แรงงานมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และ 10.ธุรกิจร้านถ่ายรูป โดยธุรกิจร่วงเหล่านี้ผู้ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
ซึ่งจะไปสอดคล้องกับการประเมิน 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งปี 2563 ประกอบด้วย 1.ธุรกิจแพลตฟอร์ม 2.ธุรกิจเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านโครงข่าย 3.ธุรกิจเกม 4.ธุรกิจด้านขนส่งโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต 5.ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 6.ธุรกิจฟาสฟู้ดส์ 7.ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ 8.ธุรกิจด้านพลังงาน 9.ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน และ 10.ธุรกิจเครื่องสำอางและบำรุงผิว เป็นต้น
โดยมีปัจจัยสนับสนุนด้านส่งเสริมธุรกิจ ได้แก่ ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจปี 2563 จีดีพีประเทศขยายตัวร้อยละ 2.4-3.1 ส่งออกขยายตัวร้อยละ 1.8-3.4 เงินเฟ้อเฉลี่ยร้อยละ 1.2 สิ่งสำคัญปี 2563 แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงในภาวะภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่ไทยยังเป็นประเทศน่าสนใจด้านกาลงทุนและการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 41-42 ล้านคน รวมถึงภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งการลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวเร่งกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี เป็นต้น ธนาคารกลางทั่วโลกจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้การลงทุนปี 2563 เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าอยู่ในอาการฟื้นตัว มีปัจจัยหลักจีนกับสหรัฐได้ข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม และทางออก Brexit ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์ ดังนั้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 กำลังฟื้นตัวขึ้นและส่งผลให้ดอกเบี้ยไม่ได้เพิ่มขึ้นไปมาก แม้จะมีปัจจัยทางการเมืองที่หลายฝ่ายมองว่าอาจะมีปัญหาการชุมนุมนอกสภา แต่เชื่อว่าจะอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ปรับ ครม.ต่อเนื่อง แต่จะปรับหรือไม่ปรับ นักการเมืองทุกคนต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดเศรษฐกิจปีหน้าเติบโตร้อยละ 3.1 ได้อย่างแน่นอน .-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2019/12/1576561169242.jpg)