กรุงเทพฯ 16 ธ.ค. – กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ แถลงสรุปผลงานการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 หลังส่งไม้ต่อให้กับ เวียดนามทำหน้าที่ประธานอาเซียน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เวียดนามรับช่วงต่อและผลักดันผลงานความสำเร็จของไทยในช่วงที่เป็นประธานอาเซียนปีนี้ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นใน 3 เรื่องสำคัญๆได้แก่ แผนดำเนินงานตามกรอบบูรณาการด้านดิจิทัลอาเซียน การผลักดันให้เกิดการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ให้ได้ในปี 2563 และการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประมงที่ยั่งยืน ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อต่อต้านการทำประมง IUU
ทั้งนี้ งานด้านเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ แบ่งเป็น 3 ด้าน 13 ประเด็นในช่วง 1 ปีที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ได้แก่
ด้านที่ 1 ความพร้อมรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีการจัดทำแผนบูรณาการงานดิจิทัลอาเซียน 6 ด้าน การจัดแผนงานนวัตกรรมอาเซียน การพัฒนาแรงงานที่มีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพรับกับอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การประกาศปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม 4.0 การส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
ด้านที่ 2 ความเชื่อมโยงในอาเซียน การเชื่อมโยงระบบ ASEAN Single Window ให้ครบ 10 ประเทศ ได้แก่ การผลักดันการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเริ่มแล้วใน 4 ประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ การพัฒนากลไกการระดมทุนภาคเอกชนสำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวเชิงอาหารของอาเซียน และสรุปผลการเจรจาอาร์เซ็ป ซึ่งสมาชิกทั้ง 16 ประเทศจะได้ประโยชน์จากเปิดตลาดเพิ่มขึ้น ควบคู่ปรับกฎเกณฑ์สมาชิก 16 ประเทศให้ได้มาตรฐาน โปร่งใส และอำนวยความสะดวกทางการค้ามากขึ้น
ด้านที่ 3 สร้างความยั่งยืนควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ส่งเสริมความร่วมมือประมงที่ยั่งยืน การจัดทำแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนตลาดทุนอาเซียน และจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์พลังงานอาเซียนกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงพลังงานชีวภาพในภูมิภาค
“สถานการณ์เศรษฐกิจโลก มาตรการกีดกันการค้า ล้วนเป็นปัจจัยคำนึงถึงและมุ่งหวังให้การเจรจาอาร์เซ็ปต้องบรรลุความสำเร็จ อีกทั้งการเพิ่มความแข็งแกร่งตลาดอาเซียนก็จะเป็นลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ เดิมมีมูลค่าการค้าภายในภูมิภาคอยู่ที่ 590.2 พันล้าน ตอนนี้ได้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2568 ล้วนจำเป็นต้องอาศัยกลไกความร่วมมือและการปลดล็อคอุปสรรคการค้า รวมทั้งการเปิดเสรีทางการค้าและเพิ่มข้อบท ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยให้ความสำคัญและผลักดันจนเกิดความสำเร็จ” อธิบดีกรมเจรจาฯ กล่าว
ด้าน นายสุริยา จินดาวงษ์ อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเป็นประธานทำหน้าที่จัดการประชุมอาเซียนปี 2562 ได้อย่างราบรื่น และมีเอกสารผลลัพธ์การประชุมออกมาถือเป็นสำเร็จ เป็นการปูความพร้อมไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
นอกจากนี้ ไทยยังได้จัดตั้งศูนย์อาเซียน 7 ศูนย์ เป็นผลลัพธ์รูปธรรมในปีนี้ ได้แก่ ศูนย์การต่อสู้ปัญหาไซเบอร์ คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติของอาเซียน ศูนย์การแพทย์ทหาร ศูนย์สังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม ศูนย์เตรียมพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน และศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน .- สำนักข่าวไทย