สอน.ยืนยันปรับสูตรหน้าโรงงานไม่ทำให้ราคาน้ำตาลแพงขึ้น

กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – สอน.ยืนยันปรับสูตรคำนวณราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน ไม่ทำให้น้ำตาลขายปลีกในประเทศแพงขึ้น


นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายหรือ สอน. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า การปรับสูตรคำนวณราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน ส่งผลให้ราคาน้ำตาลขายปลีกในตลาดปรับเพิ่มขึ้น 3-4 บาท ว่า จากการสำรวจราคาล่าสุดของ สอน.พบว่า ราคาขายปลีกน้ำตาลในประเทศไม่ได้ปรับขึ้น ราคาขายปัจจุบันยังคงต่ำกว่าในอดีตก่อนลอยตัวราคาน้ำตาลด้วยซ้ำไป

สำหรับการปรับสูตรการคำนวณราคาหน้าโรงงานที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีล่าสุดนั้น ไม่มีผลกับราคาขายปลีกน้ำตาลในภาพรวมของประเทศ และในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ  โดยขณะนี้ราคาขายอยู่ในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 21-22 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าราคาขายหน้าโรงงานตามสูตรใหม่ ทำให้ราคาน้ำตาลสูงขึ้นกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ใช้วิธีการสำรวจราคา  แต่ไม่ได้สูงถึง 4 บาท สูงขึ้นเพียง 1 บาทเศษเท่านั้น โดยการคำนวณราคาน้ำตาลสูตรใหม่ ทำให้ราคาน้ำตาลหน้าโรงงานเพิ่มขึ้น โดยน้ำตาลทรายขาวธรรมดาอยู่ที่ 17.25 บาทต่อกิโลกรัม และน้ำตาลทรายขายบริสุทธิอยู่ที่ 18.25 บาทต่อกิโลกรัม แต่ยังเป็นราคาน้ำตาลที่ต่ำกว่าก่อนประกาศลอยตัวราคาน้ำตาลในประเทศ และในอดีตด้วยซ้ำไปที่มีการกำหนดราคาขายหน้าโรงงานคงที่ไว้ที่ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม 


แหล่งข่าวโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย กล่าวว่า การปรับสูตรคำนวณราคาน้ำตาลหน้าโรงงานใหม่ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับราคาน้ำตาลในประเทศปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากราคาน้ำตาลในประเทศ ขึ้นกับหลายปัจจัยโดยเฉพาะปัจจัยราคาน้ำตาลตลาดโลก ที่ขณะนี้ยังตกต่ำอยู่ในระดับประมาณ 12-13 เซ็นต์ต่อปอนด์ ไม่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในช่วงนี้มาประมาณ 1 ปีแล้ว เนื่องจากยังคงมีน้ำตาลส่วนเกินให้บริโภคอีกมาก หรือกล่าวอีกนัยคือ ยังคงมีน้ำตาลเกินกว่าความต้องการของตลาดโลก แม้ว่า ผลผลิตที่จะออกมาในฤดูการผลิตปี 2562/2563 ในภาพรวมทั้งโลกในการสำรวจเบื้องต้น มีแนวโน้มลดลงก็ตาม  ประกอบกับประเทศบราซิลผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบภาวะเงิน “เรียล”อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ก็ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาให้ราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับขึ้นไม่ได้ 

อีกประเด็นที่เป็นผลด้านจิตวิทยา ไม่มีผลต่อราคามากนัก คือ แนวโน้มการบริโภคน้ำตาลที่ลดลง จากความห่วงใยด้านสุขภาพ มีการจัดเก็บภาษีความหวาน ปัจจัยเหล่านี้ ย่อมทำให้ความต้องการน้ำตาลลดลง ไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น   เพิ่มขึ้นไม่ถึงร้อยละ 2 ต่อปีอย่างที่ผ่าน ๆ มา

สำหรับประเทศไทยก็เช่นกันราคาน้ำตาลยังไม่เพิ่มขึ้น แม้ผลผลิตอ้อยปีนี้ฤดูการผลิตปี 2562/2563 จะมีแนวโน้มลดลงเหลือ 100-110 ล้านตันจากฤดูปี 2561/2562 ที่มีผลผลิตอ้อยมากกว่า 130 ล้านตันอ้อย  ผลผลิตลดลง 20 ล้านตันอ้อย ส่งผลให้ผลิตน้ำตาลที่จะผลิตได้ลดลง 2 ล้านตัน ประมาณการผลผลิตจะเหลือกว่า 12 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีการบริโภคน้ำตาลในประเทศประมาณ 3 ล้านตันหรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของน้ำตาลที่ผลิตได้ทั้งหมดแต่ละปี น้ำตาลส่วนใหญ่อีกประมาณ 8 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 70 ยังต้องพึ่งการส่งออกอยู่ดี แต่น้ำตาลยังล้นตลาดโลก ราคายังตกต่ำ โรงงานน้ำตาลส่งออกไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น จึงเอาตัวรอดนำน้ำตาลที่จะส่งออกมาขายขาดทุน 1-2 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาน้ำตาลในประเทศปรับลดลงไปอีก จากที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในระดับ  23-24  บาทต่อกิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 19 บาทต่อกิโลกรัม ราคาปรับลดลง 3-4 บาทต่อกิโลกรัม 


ซึ่งการขายน้ำตาลขาดทุนของโรงงานน้ำตาล หากทำต่อเนื่องทำให้ที่สุดแล้วจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” โรงงานและอุตสาหกรรมน้ำตาลขนาดเล็กจะอยู่ได้  ขณะเดียวกันรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำตาลร้อยละ 70 เป็นของชาวไร่อ้อย ดังนั้น ชาวไร่อ้อยและฝ่ายราชการ จึงไม่ยอมให้มีการขายขาดทุนต่อไป ต้องการให้โรงงานน้ำตาล ขายในราคาที่ครอบคลุมต้นทุน โดยขณะนี้ ฝ่ายโรงงานน้ำตาลได้ปรับสูตรราคาขายน้ำตาลในประเทศ โดยใช้สูตร COST PLUS พิจารณาต้นทุนครอบคลุม 2 ส่วนคือ ต้นทุนปลูกอ้อยและต้นทุนการผลิตน้ำของโรงงานน้ำตาล บวกมาร์จิ้นร้อยละ 15 ทำให้ระดับราคาหน้าโรงงานอยู่ที่ระดับประมาณ 18-19 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น เมื่อบวกต้นทุนค่าขนส่ง และต้นทุนผู้ค้าส่ง ค้าปลีกอีกเล็กน้อย ราคาน้ำตาลจะเพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 21-22 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคานี้ยังต่ำกว่าราคาเดิมที่ขาย 24 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น การที่ระบุว่าราคาน้ำตาลในประเทศเพิ่ม 3-4 บาทไม่จริง แต่อาจจริงในแง่ของราคาปรับขึ้นหลังแข่งกันลดราคาทุ่มตลาดน้ำตาลในประเทศ หากมีการปรับขึ้นราคาน้ำตาล 3-4 บาทจริง ระดับราคาน้ำตาลในประเทศขณะนี้จะต้องอยู่ในระดับ 25-26 บาทต่อกิโลกรัม. –สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ