SSF สร้างวินัยการออม แต่ระยะสั้นกระทบตลาดหุ้น

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค.- ก.ล.ต.หนุนรัฐ ระบุกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) ช่วยสร้างวินัยการออม  ด้าน เคทีซีมิโก้มอง กระทบตลาดหุ้นระยะสั้น และเป็นผลบวกมากกว่ากรณีที่ไม่มีกองทุนใหม่มาทดแทนLTF


 นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป ดังนั้น ผู้ถือหน่วยจะไม่สามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก แต่การยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยกเลิกกองทุนที่มีอยู่  โดย ผู้ถือหน่วย LTF ยังคงลงทุนในกองทุนดังกล่าวต่อไปได้ 

 โดยผู้ถือหน่วยที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไปแล้ว จำเป็นต้องทำตามเงื่อนไขการถือครองให้ครบ 5 ปีปฏิทิน หรือ 7 ปีปฏิทินแล้วแต่กรณี (เช่น หน่วยลงทุนที่ซื้อในปี 2559 จะสามารถขายได้ในปี 2565)โดยหากขายหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดจะทำให้เสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับไปแล้ว และต้องปฏิบัติ ดังนี้


 1. นำเงินภาษีทั้งหมดที่ได้รับการยกเว้นไปคืนให้กับสรรพากร และเสียค่าปรับ 1.5% ต่อเดือน (นับตั้งแต่เดือนที่ได้คืนภาษีจนถึงเดือนที่นำภาษีไปคืน) และ

 2. หากมีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน ต้องนำเงินกำไรที่ได้ไปรวมคำนวณเป็นเงินได้ในปีที่ขายคืน เพื่อเสียภาษีเงินได้ (ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี)

 LTF ในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 3.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.3% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) โดยมีปริมาณเงินเข้ากอง LTF เฉลี่ยต่อปี 2.6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.15% ของ market cap


 กองใหม่ SSF ได้สิทธิลดหย่อนวงเดียวกับการลงทุนเพื่อการเกษียณ

สิทธิลดหย่อนภาษีของ LTF จะหมดไป แต่รัฐบาลมอบ “ของขวัญ” กล่องใหม่มาแทนที่ นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) เพื่อส่งเสริมการออมสำหรับทุกคนรวมถึงผู้เริ่มต้นทำงาน กองทุนใหม่นี้มีนโยบายลงทุนที่หลากหลายไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่หุ้นเท่านั้น จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แตกต่างกัน รวมทั้งไม่ได้กำหนดให้ต้องลงทุนต่อเนื่อง จึงมีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ลงทุนที่อาจมีเงินออมไม่แน่นอน โดยผู้ลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุนให้ครบ 10 ปี (นับวันชนวัน) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีกอง SSF ออกมาเสนอขายในต้นปี 2563 

 ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีของ SSF ได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยจะถูกนับรวมอยู่ในวงเดียวกับการลงทุนเพื่อการเกษียณ (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกันแบบบำนาญ เป็นต้น) ที่กำหนดวงเงินรวมสูงสุดต้องไม่เกิน 500,000 บาท ตัวอย่างเช่น เงินได้ 50,000 บาทต่อเดือน รายได้ต่อปีคือ 600,000 บาทลงทุนใน SSF ได้ 600,000 x 30% = 180,000 บาท

 การปรับปรุงสิทธิลดหย่อน RMF

 รัฐบาลได้ขยายเพดานการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF จากเดิม 15% เป็น 30% ของเงินได้พึงประเมิน ทำให้ผู้มีรายได้ที่มีศักยภาพสามารถออมได้มากขึ้น ตัวอย่าง เงินได้ 50,000 บาทต่อเดือน รายได้ต่อปี คือ 600,000 บาทลงทุนใน RMF เดิมได้ 600,000 x 15% = 90,000 บาท ใหม่ได้ 600,000 x 30% = 180,000 บาท และเมื่อรวมกับ SSF ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ถึง 360,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้ยกเลิกเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท แต่ผู้ลงทุนยังคงต้องมีการลงทุนต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ติดต่อกัน) 

 ความสำเร็จในการสร้างวินัยการออมของประชาชนผ่านการลงทุนในครั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่มองเห็นโอกาสอันดีเพื่อช่วยกันสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้แก่คนในชาติของเรา

 ด้าน บริษัท หลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ จำกัด. วิเคราะห์ว่า  SSF แม้จะเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวต่อการเพิ่มเงินออมของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี แต่ในระยะสั้น เราคาดว่าจะเป็นปัจจัยลบทางอ้อมต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก

1)    ปริมาณเม็ดเงินลงทุนใหม่ผ่านกองทุน SSF มีโอกาสที่จะลดลงเมื่อเทียบกับปี 2018 ที่มีปริมาณซื้อสุทธิกองทุน LTF สูงถึง 7.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก วงเงินสูงสุดที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ถูกปรับลดจาก 5 แสนบาท เหลือ 2 แสนบาท และอาจมีปริมาณต่ำกว่านั้น หากต้องมีการนับรวมวเงินลดหย่อนภาษีจากกองทุนอื่นๆ  เข้ามาด้วย และแรงจูงใจในการซื้อกองทุน SSF (LTF ใหม่) ปรับลดลง เนื่องจากสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี จะต้องถือครองนานขึ้นเป็น 10 ปีเต็ม (จากเดิม 7 ปีปฏิทิน) ทำให้บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีเป็นต้นไป อาจหันไปลงทุนกองทุน RMF ทดแทน

2) แรงขายกองทุน LTF เดิมที่ครบกำหนดอายุ มีโอกาสปรับสูงขึ้น (เม็ดเงินใหม่ที่สามารถขายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้าอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท) เพราะวิตกต่อมูลค่าสุทธิของหน่วยลงทุนอาจปรับลดลง เป็นผลจากลักษณะลงทุนของกองทุน SSF ใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นกองหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว (จากเดิม กองทุน LTF จะสามารถลงทุนได้เฉพาะกองทุนหุ้นไทยเท่านั้น) โดยสรุป แม้จะมีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น แต่การมีกองทุน SSF ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว ซึ่งถือว่าเป็นผลบวกมากกว่ากรณีที่ไม่มีกองทุนใหม่มาทดแทนเลย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่