“ขจิตร” แจง เสียบบัตรทิ้งไว้ ปัดปันใจให้รัฐบาล

รัฐสภา 4 ธ.ค. – “ขจิตร” แจงเหตุเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล เพราะเสียบบัตรทิ้งไว้ ปัดปันใจให้รัฐบาล ขณะที่ “สุทิน” ชี้ ต้องสอบสวนว่ามีผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่


นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรรเพื่อไทย 1 ในเสียงฝ่ายค้านที่เป็นองค์ประชุมให้เดินหน้าลงมติญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ชี้แจงสาเหตุ ที่ร่วมเป็นองค์ประชุมเพราะเสียบบัตรแสดงตนค้างไว้ในเครื่องลงคะแนน โดยระหว่างนับองค์ประชุม ตนเองไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เพราะอยู่ระหว่างทำหน้าที่ในห้องประชุมคณะกรรมาธิการ และมองว่าการแสดงตนคือการเช็กชื่อ หากไม่แสดงตนเท่ากับการประชุม ยืนยันว่าไม่มีเจตนาช่วยเหลือรัฐบาล ประกอบกับรู้สึกเสียใจที่ฝ่ายค้านไม่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนธันวาคม แต่ยืนยันว่าชี้แจงเหตุผลได้ ไม่ได้เป็นงูเห่า และเสียงรัฐบาลก็เกินองค์ประชุมอยู่แล้ว 


ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่เป็นองค์ประชุมจะเป็นงูเห่า แต่หากมีการซื้อเสียง ก็ต้องมีกระบวนการเปิดโอกาสให้ชี้แจง คาดว่าประมาณ 1 – 2 วัน ก็น่าจะมีคำตอบและค่อย ๆ คลี่คลายสถานการณ์ 


ส่วนที่นายขจิตชี้แจงว่าเสียบบัตรแสดงตนค้างไว้ นายสุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกหลายคน เสียบบัตรแสดงตนทิ้งไว้ก็มี และเมื่อมีการลงมติจึงค่อยมากดลงคะแนน 

นายสุทิน ยังกล่าวถึงแนวทางยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยข้อบังคับการประชุมข้อที่ 85 ที่ให้นับและขานชื่อลงคะแนนใหม่ว่า ยังเป็นความเห็นส่วนบุคคล และพร้อมสนับสนุนหากมีผู้ที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่เบื้องต้นยังไม่มีการคุยกันในระดับพรรคการเมือง พร้อมชี้ว่าเจตนารมณ์ของการนับคะแนนใหม่ จะต้องนับคะแนนจากองค์ประชุมเดิม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการนับและขานชื่อลงคะแนนจากองค์ประชุมใหม่ ห่างจากการลงมติครั้งแรกถึง 1 สัปดาห์ และเรื่องนี้อาจไม่ใช่ความผิดของบุคคลใด หรืออาจเป็นความผิดของข้อบังคับการประชุมหรือไม่ จึงต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้

ส่วนฝ่ายค้านจะใช้ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 85 เพื่อขอนับและขานชื่อลงคะแนนใหม่ในอนาคตด้วยหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า หากมีเหตุจำเป็น และมองว่าการลงคะแนนมีข้อผิดพลาดชัดเจน ฝ่ายค้านก็อาจใช้ข้อบังคับข้อที่ 85 เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมีฝ่ายที่ใช้ครั้งแรกแล้ว ก็ต้องมีครั้งต่อไป

สำหรับผลกระทบต่อเสถียรภาพของฝ่ายค้าน นายสุทินกล่าวว่า ต้องมีการสอบถามกันตรง ๆ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายค้านมีการประชุมร่วมกันทุกวันอังคารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดงานเลี้ยงกันเอิกเกริกแบบรัฐบาล และรู้สึกเสียดายที่ปิดประชุมทั้งที่เวลายังเหลือ จึงมองเห็นเจตนาว่าฝ่ายรัฐบาลพยายามจะกลั่นแกล้งไม่ให้ เดินหน้าญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงฝ่ายค้านที่เป็นองค์ประชุม โดยนายสุทินกล่าวสั้น ๆ ว่า เดาไว้ไม่ผิดคน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง