กรุงเทพฯ 3 ธ.ค.- รัฐบาลลุ้นโหวตญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 พรุ่งนี้ หวั่นทำสภาล่มรอบ 3 เหตุเหลือเสียงแค่ 250 เสียง เตรียมพลิกแผนให้ขานชื่อแสดงองค์ประชุม แบ่งกลุ่ม ส.ส.ประสานงาน ส.ส.ในเครือข่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาญัตติด่วนเรื่องการให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาตรา 44 ซึ่งที่ผ่านมาการพิจารณาญัตติดังกล่าว เกิดเหตุองค์ประชุมล่มมาแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้น การประชุมสภาฯ วันที่ 4 ธันวาคม นี้ จึงได้รับการจับตามองว่า จะเกิดเหตุสภาฯล่มเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่
ขณะนี้ จำนวน ส.ส.ในสภาฯ มีทั้งสิ้น 498 คน จากจำนวน 500 คน 2 คนที่ขาดไปคือ 1.นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกคดีจ้างวานฆ่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกตั้งซ่อม 2. นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาคดีทุจริตการเลือกตั้ง ต้องถูกหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น องค์ประชุมที่จะทำให้การประชุมสภาฯ ดำเนินการได้ จะต้องมีไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ 249 คน ดังนั้น จำนวน ส.ส.ที่ฝ่ายรัฐบาลต้องระดมเข้าประชุม เพื่อไม่ให้องค์ประชุมล่ม คือ 249 เสียง
ทั้งนี้ ขณะนี้ เสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมี 254 เสียง แต่มีแนวโน้มว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอาจจะขาดหายไป 4 เสียง ได้แก่ 1.นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ป่วยอยู่ 2.นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังบายพาสหัวใจ 3.นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ และ 4.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เสียงฝั่งรัฐบาลเหลือสูงสุดแค่ 250 เสียง เกินองค์ประชุม 249 เสียง มาแค่ 1 คะแนน ดังนั้น วิปรัฐบาลจึงเช็กเสียงอย่างเข้มข้น และกำชับส.ส.ทุกคน ตลอดจนรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. ห้ามขาดประชุมสภาฯ เด็ดขาด เพราะมีเสียงหมิ่นเหม่สุ่มเสี่ยงต่อเหตุสภาล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิปรัฐบาลได้วางแนวทางป้องกันเหตุองค์ประชุมล่มไว้ในเบื้องต้นคือ 1.การเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล แทนการเสียบบัตรลงคะแนน เพื่อให้ส.ส.ที่ติดภารกิจประชุมคณะกรรมาธิการสามัญ หรือคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สามารถมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมได้ทัน รวมถึง ป้องกันกรณีบัตรประจำตัว ส.ส.ขัดข้องในการเสียบบัตรแสดงตน เพราะมี ส.ส.หลายคนแจ้งมายังวิปรัฐบาลว่า การประชุมสภาฯ หลายครั้งที่ผ่านมา ได้เสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ปรากฏว่า ระบบไม่ขึ้นชื่อว่าร่วมเป็นองค์ประชุม
2. การกำหนดให้วิปรัฐบาล 1 คน ทำหน้าที่ประสานงาน ส.ส.6 คน โดยเฉพาะในส่วนส.ส.พลังประชารัฐได้กำหนดขั้นตอนว่า วิปรัฐบาลคนใดติดต่อ ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มตนเองไปแล้ว แต่ ส.ส.คนดังกล่าวไม่ติดต่อกลับมา ขอให้แจ้งต่อกรรมการบริหารพรรค หรือ ส.ส.อาวุโสให้เป็นผู้ประสานงานติดต่อ ส.ส.คนดังกล่าวแทน เพราะที่ผ่านมามีเหตุการณ์วิปรัฐบาลประสานงานติดต่อ ส.ส.หลายครั้ง แต่ส.ส.บางคนไม่ให้ความร่วมมือ เช่น อ่านไลน์แล้วไม่ตอบกลับ หรือโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ในวันประชุม จึงต้องให้กรรมการบริหารพรรคหรือส.ส.อาวุโสมาช่วยเคลียร์ เพื่อให้ ส.ส.เหล่านี้เกิดความเกรงใจ ให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯมากขึ้น . – สำนักข่าวไทย