พล.อ.ประวิตร ยันเงินนอกงบประมาณกองทัพ โปร่งใส ตรวจสอบได้

กรุงเทพฯ 2 ธ.ค.-“พล.อ.ประวิตร” โต้ “ธนาธร” ยืนยันเงินนอกงบประมาณกองทัพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้านนักวิชาการแจงเงินนอกงบประมาณใช้เพิ่มสวัสดิการข้าราชการเงินเดือนน้อย


กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาจากสังคม หลังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตั้งคำถามถึงรายได้ของกองทัพ จากการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่กระทรวงกลาโหมได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณกว่า 233,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ได้รับ 227,126 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองหรือรัฐบาลทหาร ในจำนวนนี้มีการตั้งเงินนอกงบประมาณ 19,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่กรรมาธิการไม่สามารถเข้าไปปรับแก้ไขได้ จึงเกิดการตั้งคำถามว่า เงินจำนวนนี้มีความโปร่งใสหรือไม่และอะไรคือเงินนอกงบประมาณ  


นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า อธิบายความว่าเงินนอกงบประมาณ หมายถึงเงินที่หน่วยงานสามารถหารายได้ขึ้นเอง โดยใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ในหน่วยงานนั้น โดยไม่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล ซึ่งเงินในส่วนนี้เริ่มแรกมาจากนโยบายของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้แต่ละส่วนงานสามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ และสร้างแรงจูงใจเพิ่มสวัสดิการให้กับข้าราชการที่ได้เงินเดือนน้อย ได้มีโอกาสได้รับเงินสวัสดิการในรูปแบบของโบนัสหรือเงินตอบแทน ซึ่งในยุคนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกหน่วยงานจะมีการตั้งเงินนอกงบประมาณไว้ใช้จ่ายเอง เพราะง่ายต่อการเบิกจ่ายและไม่ยุ่งยากในการตรวจสอบไม่ใช่เงินที่มาจากภาษีประชาชนโดยตรง หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพจะคล้ายกับมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบซึ่งต้องหารายได้เลี้ยงตัวเอง

ส่วนเรื่องของความโปร่งใสนั้น นักวิชาการมองว่าแม้จะมีการพาดพิงถึงรายได้จากสนามมวย ที่อยู่ในการดูแลของกองทัพ แต่เงินที่ได้ไม่ว่าจะเป็นค่าถ่ายทอด ค่าบัตรผ่านประตู และการจัดการแข่งขันมวย เงินเหล่านี้มีการเสียภาษี จะต้องมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายถูกต้องอยู่แล้ว และสามารถเข้าไปขอตรวจสอบได้ เพียงแต่จะต้องดูเเงื่อนไขในระเบียบการใช้เงินของหน่วยงานนั้นๆว่าจะจัดสรรไปใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง แต่หากจะมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นน่าจะมาจากเงินสีเทาที่ยากจะตรวจสอบ ซึ่งเรื่องนี้พบได้กับทุกหน่วยงาน สำหรับการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ของนายธนาธร ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้สังคมตื่นตัวและตรวจสอบเงินในส่วนนี้ ขณะที่ในมุมของกองทัพก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงให้เกิดความโปร่งใส 


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายธนาธร ตั้งข้อสังเกต กระทรวงกลาโหม ใช้เงินนอกงบประมาณที่ตรวจสอบยาก และอาจเกิดความไม่โปร่งใสว่า ไม่มีอะไร เพราะกองทัพก็ทำเรื่องสวัสดิการให้ประโยชน์กับข้าราชการทุกคน เงินนอกกองทัพก็บริการให้กับประชาชน และข้าราชการที่มีรายได้น้อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ก็ตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งการเคลื่อนไหวของนายธนาธร มีเป้าประสงค์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด 

“และการที่มองว่านายธนาธร ทุบหม้อข้าวหม้อแกงกองทัพ อยากบอกว่ารายได้เงินนอกงบประมาณใดที่ต้องเข้าคลัง ก็เข้าคลังตามระเบียบทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีรายได้พิเศษ มีแต่รายได้ที่ทหารร่วมกันทำงานแล้วนำมาแจกจ่าย เพราะงบประมาณในการดูแลสวัสดิการนั้นไม่เพียงพอ ก็ต้องหากันเอง”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ เจ็บ 21

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 21 คน คาดคนขับหลับใน เบื้องต้นยังไม่พบตัว

เน้นเครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B, C คาดมีผู้ติดค้างจำนวนมาก

ฝนตกหนักช่วงเช้า เพิ่มอุปสรรคค้นหาผู้ประสบภัย และการรื้อซากอาคาร สตง.ถล่ม เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องหยุดปฏิบัติภารกิจชั่วคราว วันนี้ยังเน้นใช้เครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B และโซน C ที่มีลักษณะคล้ายร่างกายมนุษย์ติดอยู่ในซาก ด้านทีม K9 ประกาศยุติภารกิจค้นหาผู้สูญหาย