วงเสวนาชี้ ยุคโซเชียลประชาชนเข้าถึง กมธ.มากขึ้น

สมาคมนักข่าวฯ 1 ธ.ค.- พรรณิการ์ เชื่อ รัฐสภาเรียกความเชื่อมั่นคืนจากประชาชนได้ หาก กมธ.35 คณะร่วมกันทำงานอย่างโปรงใส ขณะที่กษิต มอง 35 คณะ  เป็นการแบ่งเค้กมากกว่าตอบสนองประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. วันนี้ (1ธ.ค.)สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม จัดงานเสวนา  “คณะกรรมาธิการรัฐสภา ประชาชนหวังพึ่งได้แค่ไหน?” ซึ่งมีนางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ร่วมเสวนา

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า สนใจการเมืองมาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีการเมืองยุคใดที่กรรมาธิการมีบทบาทเหมือนกับในยุคปัจจุบัน คำถามคือ ทำไมกรรมาธิการคือกลไกที่ประชาชนให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า การเมืองยุคนี้ รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ ทำให้ความนิยมในตัวฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่แตกต่างกัน ประชาชนที่อยากติดตามการทำงานของฝ่ายค้านก็จะติดตามจากกรรมาธิการฯ ในขณะที่รัฐสภาและ ครม.เป็นพื้นที่แสดงผลงานของรัฐบาล ขณะที่คณะกรรมาธิการต่างๆพยายามที่จะทำอะไรแปลกใหม่มากขึ้น อย่างที่ตนทำงานอยู่ในคณะกรรมาธิการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมฯ ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่โซเชียลมีเดียกำลังเติบโต และในต่างประเทศก็มีการถ่ายทอดการประชุมคณะกรรมาธิการต่างๆ จึงได้คิดกันว่า จะใช้โซเชียลมีเดียกับการประชุมกรรมาธิการฯ เมื่อมีประเด็นที่น่าสนใจก็จะมีการไลฟ์สดให้ประชาชนได้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อความโปร่งใสกับทุกฝ่าย โดยถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่คณะกรรมาธิการมีการไลฟ์สดผ่านเพจเฟสบุคของคณะกรรมาธิการเอง และมีคนดูประมาณ 2-3 หมื่นคน แต่สุดท้ายก็ต้องลบไลฟ์สดเฟสบุคครั้งแรกออก เพราะในการประชุมวันดังกล่าวมีการให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นข้อมูลลับทางคดี ทำให้ต้องลบคลิปออก 


นางสาวพรรณิการ์ ยังยืนยันว่า แม้คณะกรรมาธิการฯจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อคดีต่างๆได้ เนื่องจากมีหลายคดีที่คณะกรรมาธิการฯเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวเชื่อว่า 10 ปีที่ผ่านมา สังคมเกิดความขัดแย้งสูง ความวุ่นวายทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา เมื่อมองกลับมาที่การทำงานของกรรมาธิการฯ แม้จะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่กรรมาธิการฯ 35 คณะสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ตรงจุด หากทุกคณะทำงานอย่างขยันขันแข็ง โปร่งใส่ และหากทำให้ประชาชนเห็นว่า นักการเมืองต่างพรรคทำงานร่วมกันในคณะกรรมาธิการได้ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จะเกิดความเชื่อมั่นต่อรัฐสภา และเชื่อมั่นว่า ระบอบตัวแทนจะคือทางออกของประเทศ ประชาชนจะไม่หันไปหาเส้นทางอื่น ทั้งการรัฐประหาร การปราบปราม การประท้วงตามท้องถนน การนองเลือด ดังนั้น หากทำให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐสภาได้ การประท้วงตามท้องถนนก็จะไม่เกิดขึ้น 

ด้าน นายกษิต กล่าวว่า การเป็นนักการเมือง ต้องเปลี่ยนรูปโฉมของประเทศให้ดีขึ้น และขณะนี้ คนเข้าถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯมากขึ้นเนื่องจากมีโซเชียลมีเดีย แต่คนก็ยังไม่ได้สนใจคณะกรรมาธิการทุกคณะ เนื่องจากคนยังสนใจที่ตัวนักการเมืองเป็นรายคนมากกว่า นอกจากนี้ ยังมองว่า การมีคณะกรรมาธิการถึง 35 คณะนั้นมากเกินไป ดูเหมือนเป็นการแบ่งเค้กมากกว่าการตอบสนองความต้องการของประเทศ มีแค่ 20 คณะก็เพียงพอ นอกจากนี้ ยังมีคนที่หากินกับคณะกรรมาธิการ หน้าเดิมๆไปรับตำแหน่งต่างๆ องค์ความรู้ขีดความสามารถของคณะกรรมาธิการฯที่ไม่ใช่ ส.ส.นั้น ตนมองว่าไม่มีประโยชน์ บางครั้งก็ได้ไปต่างประเทศด้วย เป็นการหาช่องทางหากิน จึงถือเป็นการทุจริตอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่า การประชุมคณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ที่ผ่านมา ข้าราชการประจำตัวเล็กๆกลายเป็นกระสอบทราย เพราะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดีไม่ยอมมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ


“ข้าราชการประจำ สัปดาห์หนึ่งก็เหงื่อซกไปหากรรมาธิการ ไปให้ ส.ส.ได้ระบายอารมณ์ รัฐมนตรีทุกยุคทุกสมัยไม่กล้ามากรรมาธิการ เพราะเป็นเวทียุทธหัตถี ทั้งที่อยากให้เวทีกรรมาธิการเป็นเวทีศิวิไลย์ ข้อมูลหรือจีทูจีกับประเทศที่เป็นเผด็จการต้องเปิดเผยกับประชาชน ในกรรมาธิการเป็นสถาบันอันสูงส่ง ข้าราชการจะมาบอกว่าเป็นความลับไม่ได้ ในคณะกรรมาธิการ ขออย่าให้ลิ่วล้อมาอยู่ด้วย เอาแค่ ส.ส.ก็พอ ยอมรับว่า การที่พรรคอนาคตใหม่เข้ามา ทำให้รัฐสภาโดดเด่น เพราะสมัยก่อนไม่มีการมาฟาดกันในกรรมาธิการเหมือนสมัยนี้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้กล้าพูด ดังนั้น ก็ขอกระตุ้นกรรมาธิการอื่นๆพูดกับประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้” นายกษิต กล่าว

ขณะที่นางสาวกัลยา เห็นด้วยกับนางสาวพรรณิการณ์ ที่มองว่า เวทีกรรมาธิการเป็นพื้นที่แสดงผลงานของฝ่ายค้าน แต่ต้องยอมรับว่า กรรมาธิการยุคเดิมมีลักษณะในแบบที่นายกษิตกล่าว ตนจึงได้ปรับการทำงานของคณะกรรมาธิการการสื่อสารฯเป็นไปในเชิงรุก ส.ส.ทุกคนในกรรมาธิการฯถอดหัวโขนความเป็นพรรคออกและร่วมกันทำงาน เพื่อให้น่าเชื่อถือและประชาชนพึ่งพาได้ รวมทั้งไม่สร้างความอึดอัดกับผู้ที่จะมาชี้แจง ไม่ยอมให้ผู้ที่จะมาชี้แจงกลายเป็นกระสอบทราย ขณะที่การแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา เลขาคณะกรรมาธิการ ยอมรับว่า เป็นไปตามที่นายกษิตกล่าว ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อทำนามบัตร ดังนั้น คณะกรรมาธิการการสื่อสารฯจะขอดูประวัติของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งก่อน โดยต้องมีความสามารถตรงตามวัตถุประสงค์ของคณะกรรมาธิการด้วย

อย่างไรก็ตาม จากกำหนดการของงานเสวนา มีชื่อของ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเสวนาด้วย แต่ก็ไม่พบนายสิระแต่อย่างใด เนื่องจากระหว่างการเสวนา ผู้จัดงานแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อนายสิระได้ และไม่ทราบว่า นายสิระมาจะร่วมงานเสวนาด้วยหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย