วุฒิสภาวุ่น​ โหวตเคาะ 14 กมธ.ร่วมกันฝ่ายวุฒิฯ ถกร่าง กม.ประชามติ

รัฐสภา​ 21 ต.ค.-วุฒิสภาวุ่น​ โหวตเคาะ 14 กมธ.ร่วมกันฝ่ายวุฒิฯ ถกร่าง กม.ประชามติ ตีตกเสียงข้างน้อย​ “นันทนา” ปะทะ “พิสิษฐ์” ซัดไม่ให้มีสัดส่วน มีแต่พวกเรา เป็นระบอบเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย ด้าน “พิสิษฐ์” แจงไม่ใช่เผด็จการ แต่มองคนเป็น กมธ.ร่วมต้องเห็นต่างจาก สส.​

การประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม มีวาระแจ้งเรื่องตั้งคณะกรรมาธิการ ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ภายหลังนายสุทนต์ กล้าการขาย สว. แจ้งรายชื่อ กมธ.ร่วมกันทั้ง 14 คนตามที่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เสนอมา ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย​ 2.นายธวัช สุระบาล 3. พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ​ 4.นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร 5.นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล​ 6.นายอภิชาติ งามกมล 7.นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล​ 8.พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร 9.นายกมล รอดคล้าย​ 10.นายชีวะภาพ ชีวะธรรม 11.นายเอนก วีระพจนานันท์ ​12.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 13.นายพิชาญ พรศิริประทาน​ และ 14.นายสิทธิกร ธงยศ ปรากฏว่าเกิดตามประท้วงวุ่นในห้องประชุม


นายนรเศรษฐ ปรัชญากร สว. ลุกประท้วง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเสียงข้างน้อยที่โหวตไม่เห็นรับรองเสียงข้างมาก 2 ชั้น จึงอยากเสนอชื่อสมาชิก 2 คนเพื่อเข้าร่วม กมธ.ตามสัดส่วน ซึ่งเป็นสมาชิกเสียงข้างน้อยเพื่อให้ประชาธิปไตยเดินไปอย่างสมบูรณ์ โดยเป็นการเคารพเสียงส่วนใหญ่และไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย จึงขอเสนอชื่อน.ส.นันทนา นันทวโรภาส และนายประภาส ปิ่นตกแต่ง เพื่อเข้าร่วมกมธ. เนื่องจากทั้ง 2 คนเป็น กมธ.ประชามติ ฝั่งวุฒิสภา อยู่แล้ว

ด้านนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจกับคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถของแคนดิเดตทั้ง 14 คนที่ถูกเสนอมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อมาดูรายชื่อของ กมธ.ทั้ง 14 คนพบว่าเห็นชอบกับการแก้กลับไปเป็นเสียงข้างมาก 2 ชั้น แต่เมื่อคิดตามจำนวน 200 คนจะตกอยู่ที่ 14.28 คน เท่ากับ 19 คนที่เป็นเสียงส่วนน้อยนั้นต้องมี 1 คนที่เป็นโควตาที่จะอยู่ในกมธ.ร่วมกัน ซึ่งในสถานการณ์ตอนนี้ในฝั่งของ สส.มี 3 คนที่มาจากพรรคที่งดออกเสียง กับอีก 14 คนที่ทางวิปวุฒิสภาเสนอมาแต่แรก ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสนับสนุนเสียงข้างมาก 2 ชั้น อาจทำให้มีปัญหาว่าไม่สะท้อนถึงข้อเท็จจริงที่ไม่มีเสียงข้างน้อย และเราต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเราเคารพเสียงทุกเสียง นอกจากนี้ ใน 14 คนที่เป็นกมธ.ร่วมกันของวุฒิสภากลับไม่มีตัวแทนจากกมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา เลย จึงขอให้พิจารณาถึงสัดส่วนตรงนี้ ขอให้อย่างน้อยใน 14 คนมีเสียงข้างน้อย 1-2 คนเข้าไปด้วย


ขณะที่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า รายชื่อ 14 คนนั้นมาจากที่ประชุมวิปวุฒิสภาที่ได้กำหนดมา ซึ่งถือเป็นเสียงข้างมาก ไม่มีเสียงข้างน้อยที่ได้แสดงความคิดเห็นไว้ หมายความว่ากมธ.ร่วมกันฝั่งวุฒิสภาไม่เห็นความสำคัญของสัดส่วนวุฒิสภา และไม่เห็นความสำคัญของเสียงข้างน้อยเลย และเชื่อว่าประชาชนที่นั่งฟังการอภิปรายอยู่นั้นกำลังตั้งข้อสงสัยว่าวุฒิสภาแห่งนี้เป็นวุฒิสภาของใคร ไม่ใช่วุฒิสภาของประชาชนหรือ ทุกครั้งที่ลงมติเสียงข้างมากจะชนะทั้งหมด ในหลักประชาธิปไตยเราทำตามเสียงข้างมากแต่ก็เคารพเสียงข้างน้อย ฉะนั้น ในการตั้งกมธ.รวมครั้งนี้ควรเป็นสัดส่วนของเสียงมากและเสียงข้างน้อย สุดท้ายเมื่อตั้งกมธ.ในสัดส่วน 14 ต่อ 14 แล้วลงมติออกมาเป็นเช่นไรก็อธิบายต่อประชาชนได้ว่านี่เป็นสัดส่วนที่มีทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย ไม่ใช่สัดส่วนที่มาจากเสียงข้างมากเพียงอย่างเดียว

”ที่ท่านพูดว่าประชามติต้องทำให้รัดกุม ท่านพูดจริงๆ หรือแค่ต้องการเอาชนะ แล้วยืดเวลาออกไป หากท่านเห็นความสำคัญของประชาธิปไตยจริง ท่านต้องให้ทุกฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น และสะท้อนออกมาผ่านกมธ.สุดนี้ที่ควรมีทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย เพื่อเข้าไปอภิปรายแสดงความคิดเห็นว่าเราควรทำประชามติชั้นเดียว แต่หากเสียงข้างมากบอกว่าต้องการทำประชามติสองชั้น ก็ให้อภิปรายเหตุผลมา ประชาชนรอฟังอยู่ ดิฉันไม่อยากให้วุฒิสภาถูกนินทาว่ารวบรัดตัดตอน เป็นสภาที่มีใบสั่ง จึงขอวิงวอนให้สมาชิกทุกคนเห็นแก่ภาพลักษณ์ของวุฒิสภาชุดใหม่ที่ท่านเป็นสมาชิกอยู่ว่าสภาแห่งนี้เป็นสภาของประชาธิปไตย จึงควรให้มีกมธ.เสียงข้างน้อยที่จะเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ขอให้ท่านลงมติด้วยความเป็นตัวของตัวเอง และเคารพเสียงของประชาชน ทำให้ภาพลักษณ์ของสภาบิดเบี้ยว ไม่ทำให้ประชาชนไม่ขาดศรัทธากับวุฒิสภา“ น.ส.นันทนา กล่าว

ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวว่า อยากให้ทำความเข้าใจตรงนี้ว่า การที่วุฒิสภาต้องเสนอชื่อบุคคลเป็นกมธ.ร่วมกันโดยผ่านวิปวุฒิสภานั้น ต้องคำนวณถึงสัดส่วนของผู้แทนของเจ้าของเรื่อง กมธ.เสียงข้างมาก กมธ.เสียงน้างน้อยที่สงวนความเห็นและสมาชิกที่แปรญัตติซึ่งเป็นผลการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ของ สส.เท่านั้น ไม่ได้รวมผู้เห็นชอบกับ สส. ฉะนั้น คนที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเป็นกมธ.นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมเท่านั้น


ทำให้น.ส.นันทนา ลุกขึ้นโต้ว่า การที่จะตั้งกมธ.โดยไม่มีสัดส่วนนั้น ตนคิดว่านายพิสิษฐ์เข้าใจผิด ในกลไกระบอบประชาธิปไตยเรามีทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย แต่เราจะทำตามมติเสียงข้างมากโดยยังเคารพเสียงข้างน้อย เมื่อไหร่ที่บอกว่าไม่ต้องมีสัดส่วนมีแต่พวกของเราเท่านั้น นั่นคือระบอบเผด็จการไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ขอให้เข้าใจใหม่ และท่านเป็นสว.ที่อยู่ในกลไกระบอบประชาธิปไตย แต่ท่านปฏิเสธในการให้มีสัดส่วนของคนคิดต่างเข้ามา แปลว่าท่านกำลังยืดหลักเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

นายพิสิษฐ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ตนไม่ได้มีความคิดเป็นเผด็จการ และเชื่อว่าสภาแห่งนี้ไม่ได้มีพรรค มีพวก ในสภาแห่งนี้ตนเคารพสิทธิ์ของทุกคน ที่ตนพูดเมื่อสักครู่นั้นเป็นความจริง และการจะเป็นกมธ.นั้นตนมองว่าต้องเป็นคนที่เห็นต่างจาก สส.

ขณะที่สว.ฝ่ายข้างมาก เช่น นายพิสิษฐ์, พล.ต.ท.บุญจันทร์ ยืนยันให้ใช้รายชื่อ 14 คน ตามที่ผ่านความเห็นชอบของวิปวุฒิสภา และเห็นว่าในกมธ.ร่วมกันก็มีฝ่ายไม่เห็นชอบอยู่แล้ว

นายเทวฤทธิ์ เสนอญัตติของดใช้ข้อบังคับชั่วคราว เพื่อขอให้ออกเสียงแบบ 1 คน ต่อ1ตัวเลือก เพื่อให้กมธ.เหล่านั้น เป็นตัวแทนของสว.อย่างแท้จริง จากนั้นประธานสั่งพักการประชุม เนื่องจากให้เจ้าหน้าที่ทำบัตรออกเสียง เพราะมีสว.ต้องการเป็นกมธ.ร่วมกัน 16 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ 14 คน อย่างไรก็ตาม ในญัตติที่นายเทวฤทธิ์เสนอไว้นั้น ที่ประชุมลงมติตีตก โดยไม่เห็นชอบด้วยเสียง 138 ต่อ 26 งดออกเสียง 5 เสียง

จากนั้นนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ประกาศผลการนับคะแนน ซึ่งเสียงส่วนใหญ่โหวตเทนชอบตามรายชื่อที่วิปวุฒิสภา มีมติ 14 คน ส่วนตัวแทน สว.เสียงข้างน้อย คือ น.ส.นันทนา ได้เพียง 27 คะแนน และนายประภาส ได้ 25 คะแนน เป็นอันว่ารายชื่อทั้ง 14 คนที่ได้รับเลือกเป็นไปตามที่วิปวุฒิสภาอนุมัติแล้ว.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ประกาศชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5

28 ก.ย. – “จินณ์ตวรรณ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัยชนะ หลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการ นำคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.40 น. หมายเลข 1 ภูริกา สมหมาย พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 24,681 คะแนนหมายเลข 2 จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 31,653 คะแนน.-สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุม คืนผิวจราจร 8 ต.ค.

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – แก้ถนนทรุดคืบหน้า จนท.ยุติการเทปูนแล้ว เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุมออก เพื่อถมทรายผสมปูนอีก 5 เมตร คาดหากไม่มีอุปสรรคเพิ่ม จะคืนผิวจราจรได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง 8 ต.ค.นี้.-สำนักข่าวไทย

“สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน […]

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]